6 เดือนก่อนเป็นเฟรชชี่ไปเพิ่มทักษะชีวิตกันดีกว่า

ระบบการศึกษาในต่างประเทศจะมีวัฒนธรรมที่เรียกว่า Gap Year คือการใช้เวลาในช่วงรอยต่อหลังจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ก่อนจะไปต่อในระดับมหาวิทยาลัย ด้วยการหยุดการศึกษา หรือ สมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว แต่ ยังไม่เข้าเรียนเลย แต่ขอหยุดการเรียนเป็นเวลา 1 ปีเพื่อไปหาประสบการณ์ชีวิต

แม้ว่าในเมืองไทยจะไม่มีวัฒนธรรม Gap Year แต่ระบบการเปิดเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ ทำให้น้องที่กำลังจะเข้าเป็น เฟรชชี่ ของแต่ละมหาวิทยาลัยมีเวลาว่างถึง 6 เดือนก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ระยะเวลาดังกล่าวนับว่ามากพอที่จะให้น้องๆที่อยู่ในวัย 18-19 ปีได้ลองหาประสบการณ์นอกห้องเรียนให้กับชีวิต ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย

Work and Travel

นับว่าเป็นทางเลือกที่ น้องๆที่จบการเรียนในระดับมัธยมปลาย จะชื่นชอบเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นการเดินทางเพื่อเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ ได้ฝึกภาษา และ ทำงานด้วย เพียงเหนืออื่นใด คือการได้รับผิดชอบชีวิตตนเองตลอดระยะเวลา 6 เดือนซึ่งทำให้เด็กหลายคนเรียนรู้การที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ และ มีวินัยมากขึ้น

(ทั้งนี้ควรพิจารณาบริษัทตัวแทน ก่อนที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการ)

ทุน เอเอฟเอส

ทุน เอเอฟเอส คือมูลนิธิ การศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย – นานาชาติ ซึ่งนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ได้ทุนของโครงการ เอเอฟเอส นั้นจะมีโอกาสได้เดินทางไปในประเทศสมาชิกที่มีกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและจะได้เรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ด้วยการไปอยู่กับบ้านของครอบครัวอุปถัมภ์ที่สมัครเป็นสมาชิกของโครงการเป็นเวลาหนึ่งปี

(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://afsthailand.org)

สมัครทำงานพิเศษ

การทำงานพิเศษ กับเด็กไทยดูจะเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองที่พอมีกำลังในการดูแลบุตรหลานไม่ค่อยสนับสนุนกัน เพราะไม่อยากเห็นลูกของตัวเองลำบาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการหัดให้เด็กรู้จักหาเงินด้วยตนเองจะทำให้พวกเขารู้จักค่าของเงิน และ ความเหน็ดเหนื่อยในการหาเงินโดยไม่ต้องมีใครไปสอน

ซึ่งในปัจจุบันมี ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เกต หรือ ร้านสะดวกซื้อหลายแห่งที่รับสมัครเด็กระดับมัธยมปลายในการทำงานในร้าน แม้ว่าค่าตอบแทนไม่สูงมากแต่เงินที่ได้รับคือเงินที่น้องๆหามาได้เอง น่าจะสร้างความภูมิใจให้กับตนเองได้ไม่น้อย

สมัครเรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ

แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่การหาความรู้ให้กับตนเองก็เปรียบเสมือนหาอาวุธประดับสมอง หรือแก้ไขจุดอ่อนของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรียนพิเศษทางด้านภาษาถ้าได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว จะ เรียนภาษาที่สามเพิ่มเติมก็ไม่ใช่เรื่องยาก

นอกจากเรียนพิเศษทางด้านภาษาแล้ว การเรียนในสิ่งที่น้องๆสนใจเป็นพิเศษ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรียนทำอาหาร เรียนถ่ายรูป เรียนวาดภาพ เรียนออกแบบเสื้อผ้า หรือ แม้แต่อบรมเชิงวิชาการที่น้องๆสนใจ

เข้าค่ายกิจกรรม หรือ เป็นอาสาสมัคร

ค่ายกิจกรรม ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในระยะเวลา 6 เดือนที่รอเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และในปัจจุบันนับว่ามีค่ายกิจกรรมให้เลือกอยู่มากมาย ขึ้นอยู่กับว่าน้องๆมีความสนใจทางด้านไหน ทั้งค่ายเชิงวิชาการ ค่ายสิ่งแวดล้อม หรือ แม้กระทั่งเป็นอาสาสมัครให้กับเครือข่ายจิตอาสาที่ต้องการ พลังของคนรุ่นใหม่

การใช้เวลา 6 เดือนกับค่ายกิจกรรม หรือ เป็นอาสาสมัครนั้น จะทำให้น้องๆ ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ได้เปิดโลกทัศน์ของตนเอง และได้ปรับตัวเพื่อเข้ากับสังคมได้อย่างเหมาะสม

(หารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.volunteerspirit.org)

เดินทางท่องเที่ยว

การเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้ให้เพียงแค่ความสนุกแต่ยังทำให้เด็กในวัย 18-19 ปีมีเรื่องราวและความทรงจำระหว่างทาง มีประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมทาง และ ได้สัมผัสกับสิ่งที่ตลอดทั้งชีวิต อาจไม่เคยได้สัมผัส เหนืออื่นใด การท่องเที่ยวภายในงบจำกัดแบบเด็กวัยรุ่น จะเป็นความสนุกที่น้องๆจะลืมไม่ลงเลยทีเดียว