"นนท์ ศดานนท์" กับมุมมองการ แต่งไปรเวทมาเรียน ส่งผลต่อการเรียนหรือไม่
เรียกว่าในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา ในการทดลองเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับด้านการใช้ชีวิตในโรงเรียน โดยทางโรงเรียนได่มีประกาศถึงผู้ปกครอง อนุญาตให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6 สามารถแต่งชุดไปรเวท มาเรียนได้ทุกวันอังคาร เพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการให้นักเรียนมีโอกาสเลือกสวมใส่เครื่องแต่งกายด้วยตนเองสัปดาห์ละหนึ่งวัน
ซึ่ง นนท์ ศดานนท์ ก็เป็นคนที่หลายๆ คนต่างจับตามองในช่วงนั้นที่เขากำลังเป็นนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนนั่นเอง ซึ่ง Sanook Campus เราก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ นายศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ หรือ น้องนนท์ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และคุณแม่อภิรัตน์ ดุรงคเวโรจน์ ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโรงเรียน และเป็นแนวทางให้หลายๆ ฝั่งเข้าใจถึงการแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียน
>> แอบส่อง "ค่าเทอมกรุงเทพคริสเตียน" อยากเรียนที่นี่ต้องเตรียมเงินเอาไว้เท่าไหร่?
>> ไอเดีย "แต่งชุดไปรเวท" ไปเรียนหนังสือ จะแต่งทั้งทีต้องแต่งให้ดูดีและน่ามอง
ความเห็นของ นายศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ หรือ น้องนนท์
เตรียมตัวสำหรับวันแรกอย่างไรและเลือกชุดอย่างไรบ้างในการออกจากบ้านเพื่อมาเรียนหนังสือ หรือปกติแต่งตัวสไตล์นี้อยู่แล้ว ?
ใช่ครับ ปกติผมแต่งตัวสไตล์นี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะในวันหยุดหรือวันที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนผมจะแต่งตัวสไตล์นี้ตลอด ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของผม แต่วันนี้มันอาจจะพิเศษขึ้นมาหน่อยตรงที่ผมใส่ชุดคลุมเพิ่มเข้ามา เนื่องจากเป็นชุดคลุมที่ผมเพิ่งได้ก็เลยรู้สึกเห่อและอยากเอามาลองใส่ดูว่ามันเหมาะหรือเปล่า ซึ่งมันก็โอเค อาจจะร้อนบ้างแต่ก็เลือกใส่แค่เฉพาะช่วงที่อยู่ในห้องแอร์ครับ
รู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่ต้องใส่ชุดไปรเวทสัปดาห์ละ 1 วัน ?
ผมคิดว่ามันก็เป็นโครงการที่ดีนะครับ เป็นโครงการที่เขาวางแผนกันมาหลายปีแล้ว และจากที่ผมเห็นไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือนักเรียนทุกคนก็ดูมีความสุข เพราะมันเป็นระบบที่เราวางกันไว้สักพักแล้วว่าจะใช้ และเมื่อเราได้เริ่มใช้จริง มันก็เลยมีความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นในโรงเรียน อย่างเพื่อนๆ บางคนเขาก็จัดเต็มทั้งแบรนด์ทั้งแฟชั่น ซึ่งถ้าเขามีเงินซื้อเราก็คงจะไปก้าวก่ายเขาไม่ได้เพราะมันก็เป็นสิทธิของเขาในการเลือกซื้อสินค้า และที่สำคัญมันก็ไม่ใช่เรื่องของเราด้วย
อีกอย่างผมรู้สึกว่ามันเป็นโครงการที่ดีตรงที่เราได้เพิ่มความสนุกในการไปโรงเรียน เราได้คิดว่าวันนี้เราจะใส่อะไรไปดีหรือจะใส่ชุดตรงกับเพื่อนไหม มันเหมือนเราได้คิดอะไรเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งกับบางคนมันก็อาจจะมีผลเสียตรงที่เขาอาจจะรู้สึกกดดันได้เหมือนกัน แต่ว่าสำหรับผม ผมไม่มีปัญหาอะไรเรื่องพวกนี้เลยครับ เพราะเวลาผมแต่งตัวผมก็แต่งตามที่ผมรู้สึกสบายใจ ในตู้เสื้อผ้าผมก็จะมีแต่เสื้อผ้าสไตล์ที่ผมใส่อยู่แล้วด้วย
พอได้เห็นบรรยากาศเพื่อนๆ ทุกคนแต่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนวันแรกเรารู้สึกอย่างไร ?
รู้สึกปกตินะครับ ทุกอย่างก็เป็นปกติดี ทุกคนก็พูดคุยกันตามปกติ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีดราม่าเกี่ยวกับนโยบายนี้ออกมา แต่เพื่อนๆ ทุกคนก็คุยกันเฮฮาสนุกสนาน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราก็มีความคิดเป็นของตัวเอง และมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงเรื่องการเรียนอะไรขนาดนั้น บรรยากาศที่เกิดขึ้นก็คือทุกอย่างเป็นปกติ เพื่อนๆ นักเรียนโอเค คุณครูทุกคนก็โอเค
มีการนัดแนะกับเพื่อนๆ เรื่องการแต่งตัวอย่างไรบ้าง ?
สำหรับตัวผมเองผมไม่ได้นัดกับใครนะ ผมเตรียมของผมไปเองทั้งหมด ซึ่งพอไปเจอกับเพื่อนๆ มันก็รู้สึกเซอร์ไพรส์ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นบรรยากาศที่สนุกดีนะครับที่เราได้เห็นทั้งการแต่งตัวของเพื่อนๆ และเพื่อนๆ ได้เห็นการแต่งตัวของเรา ถือว่าเป็นสีสันใหม่ๆ ของโรงเรียนที่เราไม่ค่อยได้เห็นกัน
การสวมชุดไปรเวทมาเรียนรู้สึกแตกต่างจากชุดนักเรียนปกติหรือเปล่า ?
เอ่อ...มันก็ต้องแตกต่างอยู่แล้วครับในประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์ม แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันทำให้เราผ่อนคลายขึ้นนะ เพราะเหมือนเราได้เป็นตัวเองมากขึ้น รู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องคอยกังวลว่าเสื้อจะออกนอกกางเกงและต้องโดนทำโทษตลอดเวลา แต่ถ้าถามในมุมของการใช้ชีวิตในโรงเรียนเป็นยังไงบ้าง จริงๆ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่นะครับ
เราคิดว่าการแต่งตัวมีผลต่อการเรียนไหม ?
ไม่นะครับ ผมคิดว่าการแต่งตัวมันก็เป็นแค่สไตล์ที่เราเลือกใส่ก่อนออกจากบ้านก็เท่านั้นเอง และหลังจากนั้นมันก็เป็นเรื่องของการเรียนแล้ว คือมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการแต่งตัวของเราเลย มันไม่ใช่ว่าเราแต่งตัวดีแล้วเราจะเรียนดี หรือแต่งตัวไม่ดีก็จะเรียนไม่ดี มันอยู่ที่คนมากกว่าครับว่าเราตั้งใจเรียนหรือเปล่า มันไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งตัวสักเท่าไหร่นะในมุมมองผม
จากการที่ต้องใส่ยูนิฟอร์มปกติพอได้มาใส่ชุดไปรเวท เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ?
เอ่อ...ก็คือเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแต่งตัวว่ามันจะมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นหรือเปล่า ซึ่งผมมองว่าสำหรับเรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาในการวิจัยกันไปก่อนเนื่องจากมันเพิ่งอยู่ในช่วงทดลอง และอย่างที่ท่านผู้อำนวยการได้บอกไว้ว่ามันก็คืองานวิจัยอย่างหนึ่งที่ต้องรอดูผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้นเราก็ต้องมาดูกันอีกที คือถ้าหากมันออกมาไม่ดีเขาก็ยกเลิก แต่ถ้าหากมันดีและไม่ได้ส่งผลกระทบ ก็คงดำเนินนโยบายนี้ต่อไปและอาจจะพัฒนาขึ้น
การแต่งชุดไปรเวททำให้เกิดการแข่งขันด้านการแต่งตัวหรือเปล่า ?
สำหรับผม ผมคิดว่าเรื่องการแข่งขันมันมีอยู่แล้วล่ะครับและมันก็ห้ามกันไม่ได้ เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่องการแต่งตัวด้วย เราแข่งขันกันมาตั้งนานแล้วทั้งเรื่องของการศึกษาการเรียน แต่สำหรับผม ผมไม่ค่อยแข่งขันอะไรกับใครสักเท่าไหร่หรอกนะ เพราะอย่างที่บอกผมเองก็ไม่ได้เป็นคนซีเรียสเรื่องการแต่งตัวอยู่แล้ว แค่ใส่ตามที่อยากใส่ในแต่ละวันก็พอ
ส่วนเรื่องที่จะมีการแข่งขันเรื่องการแต่งตัว ถ้าหากมันจะมีจริงๆ มันก็คงมีตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่เราจะรู้หรือไม่รู้นั้นอันนี้ผมเองก็ทราบไม่ได้เพราะผมไม่ได้อินกับมันขนาดนั้น ผมไม่ได้คิดเลยว่าเพื่อนเราคนนั้นแต่งตัวไม่ดีหรือคนไหนแต่งตัวอย่างไร เพราะเวลาผมคบกับใครสักคนผมมองที่ตัวตนเขามากกว่า อีกอย่างการแข่งขันเรื่องการแต่งตัวและจะมาเหยียดกันผมรู้สึกว่ามันเด็กไป
ทางโรงเรียนจะมีการวัดผลเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ?
ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าทางโรงเรียนจะมีการวัดผลอย่างไร แต่ถ้าถามความรู้สึกผม ผมคิดว่ามันสนุกดีที่มันมีสีสันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา และเอาจริงๆ เป็นวันแรกเลยนะที่ผมไปเรียนแล้วรู้สึกไม่ง่วงนอน เพราะมันเหมือนเรามีเรื่องให้คุยกับคนอื่นตลอดเวลา ทุกคนดูแฮปปี้และดูมีชีวิตชีวากันมากๆ วันนี้เป็นวันที่สนุกดีครับ
ในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ เราคิดแล้วหรือยังว่าจะแต่งชุดอะไรไปโรงเรียน ?
อังคารหน้านี้ผมลาหยุดครับ เพราะผมมีธุระนิดหน่อยไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ แต่อังคารต่อๆ ไปก็คงจะต้องไปโรงเรียนปกติ และชุดที่ใส่ก็ยังเป็นชุดสไตล์เดิม คืออยากใส่อะไรก็ใส่ไม่ได้คิดอะไรไว้เป็นพิเศษ แต่ก็สามารถติชมกันได้ตามสบาย ขอแค่ให้ใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็พอ เพราะผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วทุกคนก็มีมุมมองมีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถคิดต่างได้แต่อย่าทะเลาะหรือทำให้เป็นเรื่องดราม่ากันเลยครับ
ความเห็นของ คุณแม่อภิรัตน์ ดุรงคเวโรจน์
ในมุมของผู้ปกครองคิดอย่างไรกับโครงการนี้ และปกติคิดอย่างไรกับการใส่ยูนิฟอร์ม ?
คุณแม่คิดว่า มันเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาของบ้านเราเลยค่ะ ซึ่งในตอนนี้มันก็อยู่ในช่วงการทดลอง แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีสองมุมเสมอค่ะ มุมนึงก็ดี เพราะเป็นอะไรที่เปิดกว้าง แต่สำหรับอีกมุมนึงก็ต้องดูความพร้อมของแต่ละสถานศึกษา และสถาบันค่ะ สำหรับคุณแม่ มีความคิดว่ายูนิฟอร์ม เป็นสิ่งที่ดี เพราะยูนิฟอร์มเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นนักเรียน นักศึกษา แต่ถ้าจะมีเปลี่ยนแปลงจริงๆ คุณแม่คิดว่าต้องดูความพร้อมของสภาพแวดล้อมสถาบันด้วยค่ะ
ทางโรงเรียนได้มีการแจ้งรายละเอียดอะไรล่วงหน้ากับทางผู้ปกครองบ้างหรือเปล่า ?
ทางโรงเรียนก็มีการสื่อสารมาในระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งก็กำหนดเรื่องกฎเกณฑ์อยู่แล้วค่ะ ว่าการแต่งตัวต้องอยู่ในระดับที่เรียกว่ามีความเรียบร้อย สุภาพ และมีกาลเทศะค่ะ
มีข้อกำหนดสำหรับอะไรเป็นพิเศษสำหรับผู้ปกครองเกี่ยวกับโครงการนี้บ้างหรือเปล่า ?
กฎเกณฑ์ของทางโรงเรียนได้แจ้งมาทางผู้ปกครองอยู่แล้วค่ะ ว่าลูกของเราสามารถแต่งอะไรได้บ้าง โดยทางโรงเรียนจะเน้นความสุภาพค่ะ จะไม่ให้ใส่กางเกงขาด เสื้อขาด หรือเสื้อแขนกุด ถึงจะแต่งตัวไปรเวทได้ แต่ก็ต้องอยู่ในความเรียบร้อยและสุภาพค่ะ
ปกติคุณแม่เป็นคนดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้กับน้องนนท์อยู่แล้วหรือเปล่า รวมถึงชุดไปรเวทด้วยหรือไม่ ?
ดูแลร่วมกันค่ะ เพราะว่าลูกของเราก็อยู่ในช่วงวัยรุ่นแล้ว เพราะฉะนั้นการเลือกใส่เสื้อผ้าก็จะเป็นไปตามสไตล์ของลูกเลยค่ะ เราก็มีหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนไปโรงเรียนค่ะ
สำหรับคุณแม่มองว่าเครื่องแต่งกายจะส่งผลต่อการเรียนอย่างไรบ้าง ?
คุณแม่คิดว่าเรื่องเครื่องแต่งกายกับการเรียนมันไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะว่ามันเป็นคนละส่วนกัน การแต่งตัวไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อการเรียนค่ะ
มีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขันเรื่องการแต่งตัว สำหรับคุณแม่จะดูแลเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ?
คิดว่าก็น่าจะมีนะคะ แต่สำหรับลูกชายของคุณแม่ ด้วยที่เขามีลักษณะเป็นตัวของตัวเองมากค่ะ เวลาแต่งตัวเขาก็จะมีสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว สำหรับเรื่องนี้คุณแม่ไม่ห่วงอะไรมากค่ะ
อัลบั้มภาพ 42 ภาพ