"นิโคลีน พิชาภา" รองอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 สาวหอการค้ากับมุมมองความเท่าเทียมของมนุษย์

เธอคนนี้ไม่ใช่เพียงแค่สวยอย่างเดียว แต่ว่ายังมีความคิดดีและคิดเพื่อสังคมอีกด้วยกับ นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ สาวสวยเจ้าของตำแหน่ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 และ รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 และที่สำคัญเธอยังเป็นนักศึกษาชั้นปี 1 อีกด้วย ต้องบอกเลยว่าสาวสวยคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่มีความคิดที่ดีคิดเพื่อสังคมอีกต่างหาก

ซึ่งล่าสุดนั้นทาง Sanook! Campus ก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ นิโคลีน-พิชาภา สาวเก่งมากความสามารถถึงมุมมองการทำดีเพื่อสังคม ความเท่าเทียมของมนุษยชน และเรื่องการเรียนของเธอมาฝากเพื่อนๆ กันด้วย

คิดว่าการเรียนมหาวิทยาลัยสามารถเตรียมความพร้อมให้เราก่อนออกไปทำงานเพื่อสังคมไหม ?

“คิดว่ามีส่วนมากๆ ค่ะ ตอนนี้นิโคลกำลังศึกษาอยู่วิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี1 สำหรับในมหาวิทยาลัยสิ่งที่สำคัญคือการที่เราสามารถที่จะช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่นรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ทำให้พวกเขารู้สึกมีพลังในตัวเอง เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญพร้อมมีส่วนร่วมรณรงค์เรื่องนี้ นี่ก็เหมือนเป็นการทำงานช่วยเหลือสังคมแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าสังคมตอนนี้กำลังจะก้าวหน้าไปสู่โลกที่มีความเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นการมีผู้หญิงที่แข็งแรง ผู้หญิงที่เก่งหลายๆ คนที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนล้วนเริ่มมาจากมหาวิทยาลัยค่ะ"

ภารกิจที่เราตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ในฐานะตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018 คืออะไร ?

"หนูจะไปร่วมทำงานกับ Miss World Organization ซึ่งเป็นโครงการที่ทำร่วมกับทุก Continental Queen และเดินทางไปยังแต่ละประเทศของ Continental Queen อาจจะเริ่มที่ประเทศไทยก่อนหรือที่ประเทศเม็กซิโกก่อน แต่ว่าน่าจะเป็น 2 ประเทศนี้ที่เป็นประเทศแรก แล้วทุกโครงการของแต่ละคนก็จะได้เข้าไปร่วมในโครงการมิสเวิลด์ 2018ช่วยกันระดมทุน ช่วยเหลือน้องๆ หรือว่าทำโครงการของตนเองที่สามารถที่จะร่วมกับโครงการของทางมิสเวิลด์ได้ด้วยค่ะ"

แล้วในมุมมองของเราที่อยากให้เด็กๆ พิเศษมีจุดยืนในสังคม เราทำอะไรให้น้องๆ เหล่านี้บ้าง?

"ที่ผ่านมานิโคลได้นำชุดจากกลุ่มเด็กๆ มูลนิธิออทิสติกไทย ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะทำให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าน้องกลุ่มนี้มีความสามารถจริงๆ พวกเขาสามารถออกแบบเพ้นท์ลายลงบนชุดได้แบบน่าอัศจรรย์เพียงเราแจกโจทย์เขาไปว่า “คุณอยากบอกทุกคนว่าความรักคืออะไร?” พวกเขาก็ได้วาดลวดลายดอกไม้ หัวใจ วาดเป็นสิ่งที่สวยงามจึงทำให้เห็นว่ามุมมองของพวกเขามันต่างจากคนธรรมดาอย่างเรา อีกทั้งยังมีสิ่งของอื่นๆ ที่พวกเขาทำได้เองไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอ หนังสือ แก้วน้ำ ที่พวกเขาทำขึ้นมาเอง วาดเอง ปริ้นส์ลวดลายเอง "

"หนูคิดว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถหนูก็เลยอยากที่จะเป็นกระบอกเสียงแสดงให้คนทั่วโลกเห็นว่าพวกเขากลุ่มนี้ก็สามารถที่จะทำงานเหล่านี้ได้ สิ่งสำคัญอยากให้คนทุกคนพยายามเปิดใจยอมรับน้องๆ ค่ะ เพราะว่าหลายๆ คนทำงานในบริษัทใหญ่ เด็กออทิสติก เด็กพิการก็สามารถทำงานในบริษัทใหญ่ได้ แต่เราต้องรู้ว่าแต่ละคนแต่ละงานมันไม่เหมือนกันแต่ถ้าเราให้โอกาสน้องได้ทำงานเขาก็สามารถที่จะทำงานได้และทำงานได้ดีด้วยค่ะ”

เรามีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ที่เกิดขึ้นในสังคมเราในปัจจุบันนี้ ?

"สำหรับปัญหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศหลากหลายรูปแบบที่เกิดขึ้นในไทย นิโคลคิดว่าต้องแก้ไขที่ตัวปัญหาโดยเริ่มให้ความรู้ การป้องกันตั้งแต่ในระดับเด็กเล็ก เน้นการนำเสนอความรู้ให้มากที่สุดเพราะการที่เราได้ป้องกันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการที่ให้มีผู้ประสบเหตุการณ์ก่อนแล้วค่อยแก้ไข การให้ความรู้ความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า ควรจะปลูกฝังให้เป็นคนดีของสังคมอยู่ในกรอบที่ดีและต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคมตั้งแต่วัยเด็กเพราะเราทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกเดียวกันทุกคนเท่าเทียมกัน"

"และนิโคลอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าถ้าไม่มีฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชาย ประเทศจะไม่สามารถขับเคลื่อนสังคมได้ การที่เราปกป้องกันเองทั้งหญิงและชาย ช่วยเหลือกันเอง โดยเริ่มจากคนใกล้ตัวเช่นพี่ น้องและเพื่อนเรา ถ้าเราเริ่มสอนและปลูกฝั่งตั้งแต่เด็กวันข้างหน้าจะได้ไม่นำเอากฎหมายเข้ามาแก้ปัญหาเพราะมันจะเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว เพราะเราทุกคนอยู่บนพื้นฐานที่เคารพกันและกันตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ค่ะ"

เราเคยได้สัมผัสกับระบบการศึกษาอย่างหลากหลาย คิดว่าการศึกษาไทยกับต่างชาติต่างกันอย่างไร ?

"สำหรับนิโคลมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นเหมือนครอบครัว มีรุ่นพี่รุ่นน้อง ซึ่งที่ประเทศอเมริกานั้นไม่มี จึงทำให้เราเหมือนมีคอนเนกชั่นเมื่อเราได้บอกคนอื่นว่าเราเรียนที่มหาวิทยาลัย ที่สำคัญมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการที่แข็งแกร่งในการผลิตและสร้างนักธุรกิจอยู่แล้วและเราก็อยากเรียนเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ เรารักในการจัดการ อยากเป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้ความสามารถและทักษะต่างๆ การทำธุรกิจ เพื่อเป็นกำลังสำคัญต่อไปในอนาคตร่วมเติมศักยภาพให้กับเศรษฐกิจ สังคมประเทศไทยด้วยค่ะ”