“นักกีฬาอีสปอร์ตและนักแคสเกม” อาชีพใหม่มาแรงในเด็กปี 2562
กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย เผยผลสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทย ครั้งที่ 10 ปี 2562 โดยทำการสำรวจในเด็กอายุระหว่าง 7-14 ปี จำนวน 2,684 คน พบว่า อาชีพที่เด็กไทยใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดคือ อาชีพหมอ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้บุญ และมีรายได้ดี รองลงมาคือ อาชีพครู ด้วยเหตุผลอยากสอนเด็กไทยให้เป็นคนดีมีความรู้
อันดับสาม ได้แก่ อาชีพนักกีฬา โดยส่วนใหญ่อยากเป็นนักฟุตบอลเพราะรักในการเล่นฟุตบอล ส่วนอาชีพในฝันของเด็กไทยอันดับสี่ ได้แก่ อาชีพทหาร และอันดับห้าได้แก่ นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม ที่มาแรงติดเทรนด์ Top 5 อาชีพในฝันของเด็กไทยปีนี้เป็นปีแรก
ซึ่งเหตุผลที่เด็กสนใจใน อาชีพนักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม เป็นเพราะเด็กไทยชอบเล่นเกมส์ จึงคิดว่าเป็นอาชีพที่สนุก สามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ชอบและสร้างชื่อเสียงได้ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจในข้ออื่นๆ ที่พบว่าเด็กไทย 94% ชอบดูยูทูป และกว่า 28% ชอบเล่นเกมส์และเล่นคอมพิวเตอร์
และมีไอดอลในดวงใจเป็นคนดังที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ เช่น เก๋ไก๋สไลเดอร์ ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ที่เด็กไทยชอบที่ความน่ารักสดใส ตลก ทำคลิปสนุก ขยัน และมีความกตัญญู หรือพี่แป้ง Zbing Z. นักแคสเกมคนสวยขวัญใจเด็กๆ รวมถึง กิตงาย หรือ กฤษฎา ปิมลื้อ นักกีฬาอีสปอร์ตชื่อดัง ที่เป็นที่ยอมรับของเด็กไทยจากความสามารถในการเล่นเกม
นอกจากนี้ยังพบว่าอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ เช่น ยูทูปเบอร์ และ โปรแกรมเมอร์ ก็เป็นอาชีพที่เด็กไทยให้ความสนใจมากขึ้นในปีนี้เช่นกัน ด้านผลสำรวจไอดอลขวัญใจเด็กไทย ผลสำรวจพบว่าเด็กไทยยังคงมองพ่อแม่ เป็นไอดอลที่เคารพรักเหมือนทุกปี แต่สำหรับคนดังที่ครองแชมป์ไอดอลขวัญใจเด็กไทยในปีนี้
ได้แก่ ศิลปินกลุ่ม BNK48 ที่เด็กไทยชื่นชมในความพยายามและความสามารถ โดยมองว่านอกจากจะน่ารัก ร้องเพลงเพราะ และเต้นเก่งแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีด้านความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเอง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค โดยสมาชิกที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กไทยมากที่สุด ได้แก่ เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง BNK48
ทั้งนี้เมื่อถามถึงไอเดียปฏิรูปการศึกษาว่ารัฐบาลควรทำอย่างไร เพื่อให้การศึกษาของประเทศไทยดีขึ้น ผลสำรวจพบว่าเด็กไทย อยากให้รัฐบาลพัฒนาการศึกษาโดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมตามความชอบและความถนัด มอบทุนเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครู สนับสนุนอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน
นอกจากนี้เด็กๆ ยังเสนอให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ส่งเสริม การเรียนการสอนให้สนุกสนานและทันสมัยมากขึ้น มีคลังความรู้แบบดิจิทัลไม่จำกัดแค่ในหนังสือเรียน เน้นวิชาคอมพิวเตอร์ สนับสนุนอีสปอร์ต ส่งเสริมเรื่องภาษาต่างประเทศอย่างจริงจัง ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่สามอย่าง ภาษาจีน ภาษาเกาหลี และภาษาญี่ปุ่น
รวมถึงเพิ่มการสอนทักษะจำเป็นในการเอาตัวรอด เช่น ว่ายน้ำ ศิลปะป้องกันตัว และการปฐมพยาบาล เป็นต้น เพื่อให้เด็กไทยมีความพร้อม สำหรับโลกการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคตอีกด้วย