"นาย ณภัทร" กับโมเมนต์สุดโก๊ะ เมื่อสมัยยังไม่เก่งภาษาอังกฤษ น่ารักไปอีก!
ถ้าจะพูดถึง นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ แล้วหลายๆ คนก็คงจะต้องนึกถึงหนุ่มหล่อสุดเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การวางตัว การงาน คุณแม่ รวมไปถึงนิสัยที่อ่อนน้อม ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรักกันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริง สำหรับ นาย-ณภัทร แล้ว เขากลับมองตัวเองว่าห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบมากๆ
ล่าสุดนั้นทาง นาย-ณภัทร หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั่วประเทศไทยก็ได้เข้ามาโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง "Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน" กันถึงที่ Sanook! ดังนั้นทาง Sanook! Campus เราก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปพูดคุยและเก็บบทสัมภาษณ์ที่แสดงถึงความเป็นตัวของเขามาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน บอกเลยว่า โปรดระวัง..หลงรักเขามากยิ่งขึ้น
รู้สึกกดดันไหมที่คนมองว่าเราสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ?
นาย ยิ้มให้เราก่อนเบาๆ ก่อนที่จะส่งคำตอบมาด้วยเสียงที่หนักแน่น "กดดันครับ เพราะผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ บนโลกใบนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรือทักษะด้านดนตรีที่ผมทำ ทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากคำว่าศูนย์ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ผมจะไม่ได้เก่ง คอร์ดกีต้าร์ก็ยังจำไม่ได้ แต่มันก็เป็นความสุขครับ เป็นความสุขที่ผมอยากจะพัฒนาให้มันดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ" พูดเสร็จเขาก็อมยิ้มให้เราอีกครั้ง
หากมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง เราคิดว่าเราเป็นคนแบบไหน ?
คำถามข้อนี้ทำให้เขานั่งนิ่งไปสักครู่ เพื่อหาคำตอบที่คิดว่าตรงกับตัวเองที่สุด และเขาให้คำตอบกับเราว่า "คนภายนอกน่าจะมองว่าผมเป็นคนดุครับ เนื่องจากว่านิสัยโดยปกติของผม ผมจะเป็นคนนิ่งๆ แต่ถ้าหากอยู่กับเพื่อนหรืออยู่กับกลุ่มคนที่สนิท ผมก็จะสนุกสนาน ชอบเล่น ชอบแกล้ง" เขาพูดไปขำไป
ผู้ใหญ่มักมองว่าเด็กสมัยนี้ชอบทำตัวเหินห่างกับผู้ปกครอง แต่ทำไมตัวเราเองถึงดูติดคุณแม่จังเลย ?
หลังจากถามคำถามนี้ เขาถึงกับทำหน้าตลกๆ และตามด้วยการตอบมาว่า "ผมไม่ได้ติดแม่นะครับ" เขาพูดพร้อมหัวเราะ "ก็คือด้วยความที่งานของผมมันจำเป็นจะต้องใช้การติดต่อสื่อสารเยอะมากๆ รวมถึงท่านเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการคอยดูแลงานให้ผม ก็เลยทำให้เวลาไปไหนมาไหนเราได้อยู่ด้วยกันตลอด เพราะเรามีกันแค่สองคน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็เชื่อนะครับว่าเด็กๆ ทุกคนล้วนแล้วก็อยากจะมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เราต้องมาจัดการบาลานซ์ให้พอดี" นาย-ณภัทร กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ถ้าถามถึงจุดที่เราอยากจะพัฒนาและปรับปรุง เราอยากจะทำอะไร ?
เขาสบตาเรา พร้อมนึกคำตอบอยู่สักครู่ และเขาก็ตอบกลับมาว่า "ถ้าหากเป็นเรื่องงาน ผมมองว่าทุกๆ งานที่ผมทำ ผมจะเจอกับข้อผิดพลาดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการแสดงหรือการทำงานเบื้องหลัง ซึ่งตัวผมจะค่อนข้างโชคดีที่ผมมีคุณแม่เป็นกระจกคอยสะท้อนเงา ที่คอยช่วยสอนและตักเตือน เพื่อให้ผมได้นำข้อผิดพลาดไปพัฒนาตัวเองต่อไป ส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัว ผมมองว่าในเมื่อเราเติบโตขึ้นทุกวัน เราก็ต้องทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน ไม่ควรปล่อยเวลาแค่ให้มันผ่านเลยไป" แววตาของเขาดูเป็นประกายเมื่อตอบคำถามข้อนี้
อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานในทุกๆ วัน ?
"เอ่อ...มันคือการที่ผมได้ทำในสิ่งที่ผมชอบและสิ่งที่ผมรักครับ ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยผมรู้ว่าผมชอบอะไร ผมอยากเรียนดีไซน์ ผมก็ไปเรียนด้านนั้น มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่รู้สึกขี้เกียจและอยากจะเข้าเรียนอยู่ตลอด อยากทำงานต่อไปเรื่อยๆ และผลสุดท้ายเกรดมันก็ออกมาดีโดยที่เราไม่ต้องไปฝืนตัวเอง รวมถึงงานด้านการแสดงก็เช่นกัน ถ้าหากเรารู้สึกว่าเรารักและเราชอบที่จะทำมัน เราก็จะมีความสุขไปกับมัน และอยากจะทำมันไปทุกๆ วันครับ" เขาใช้เวลาไม่นานเลยในการนึกคำตอบของคำถามข้อนี้
วีรกรรมฮาๆ ของเราในสมัยเรียนมีเรื่องอะไรบ้างที่จำได้ไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้ ?
เรียกว่าเป็นคำถามที่เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าและเสียงหัวเราะของเขาตั้งแต่ยังถามคำถามไม่จบเลยจริงๆ เขาพูดไปขำไปว่า "มีอยู่ครั้งหนึ่งครับ ช่วงที่ผมย้ายไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่ผมไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ซึ่งมันเป็นจังหวะที่ผมเดินเข้าไปในห้องและมีฝรั่งนั่งกันอยู่เต็มเลย จากนั้นระหว่างที่เรียนผมก็เริ่มรู้สึกร้อน เลยพูดขึ้นมาว่า Open the Air-Con ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผมต้องพูดว่า Turn on ตอนนั้นโดนล้อกระจายเลยครับ แต่ก็ตลกดี" หลังจากนั้นเขาก็ขำต่อ เพราะนึกถึงบรรยากาศความโก๊ะของตัวเองในช่วงเวลานั้น
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ