"DOMTeamwork" เด็กรุ่นใหม่ ที่นำเสนอเรื่องแย่ๆ ในสังคม ให้ผู้ใหญ่ได้คิดตาม

เอาจริงๆ ช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่มีอิสรเสรี และมักจะทำอะไรตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งส่วนมากนั้นก็จะเป็นการทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น แต่จะมีวัยรุ่นสักเท่าไหร่กันที่จะเอาเวลาส่วนตัวมาทำอะไรเพื่อสะท้อนปัญหาของสังคม ซึ่ง DOMTeamwork เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ ที่ใช้เวลาว่างของตัวเองมาทำอะไรที่แตกต่างและแปลกใหม่ เพื่อเป็นเสียงเล็กๆ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมและเกิดการตื่นตัวขึ้นนั่นเอง

ซึ่งทาง Sanook! Campus เราก็ได้ติดตามและชมวิดีโอจากช่องยูทูป DOMTeamwork มาสักพักแล้ว และได้เห็นว่าทางช่องนี้ถึงจะเป็นเด็กรุ่นใหม่แต่กลับมีการนำเสนอเนื้อหาที่ แตกต่างจากช่องของคนรุ่นใหม่ทั่วๆ ไป โดยจะเน้นที่เรื่องราวเชิงสะท้อนสังคมเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นทางเราจึงได้ติดต่อไปขอทำความรู้จักและเข้าถึงความคิดของเด็กๆ กลุ่มนี้มาให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจพวกเขากันมากขึ้น

ที่มาของชื่อชาแนลและแต่ละคนมารวมตัวกันได้อย่างไร ?

"ช่องของเรามีชื่อว่า DOMTeamwork ซึ่งที่มาของชื่อนี้ ก็คือ ภาษาอังกฤษ 3 ตัวแรกของชื่อเราทั้งสามคน ดำ โอม และ มิค ส่วนจุดเริ่มต้นของการสร้างชาแนลนี้ มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อสมัยมัธยมต้น เป็นความต้องการของพวกเราที่อยากจะลองทำชาแนลของตัวเองดู โดยในช่วงแรกก็จะเป็นในลักษณะของไลฟ์สไตล์ทั่วไป เที่ยวบ้าง กินบ้าง จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปี 2018 พวกเราก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะลองทำชาแนลนี้ให้มันจริงจัง ลองทำคลิปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน สุดท้ายมันเลยกลายเป็นไอเดียเกี่ยวกับสังคมครับ ซึ่งคลิปแรกที่เราทำออกมา ก็เป็นคลิปการทดสอบสังคมเกี่ยวกับการมองคนที่ภายนอก เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว และพอปล่อยคลิปออกไป ปรากฏว่าฟีดแบคที่ได้กลับมามันดีมาก นั่นเลยทำให้เราค่อนข้างรู้สึกว่า คลิปแนวนี้น่าจะต่อยอดในการทำในพาร์ทต่อๆ ไปได้ครับ"

อะไรคือเหตุผลที่เราเลือกทำ Content แนวนี้ ?

"เพราะความอึดอัดกับปัญหาสังคมครับ อย่างที่ผมได้บอกไป คลิปแรกที่เราทำก็เป็นเรื่องของการมองคนที่ภายนอก เนื่องจากตัวพวกผมเองก็เคยประสบกับเหตุการณ์ลักษณะนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาที่พวกผมไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่นการแต่งตัวครับ การแต่งตัวที่บางครั้งสบายใจเรา คนอื่นอาจจะมองไม่ดีแล้วเกิดการเหยียดขึ้นได้ มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมและเพื่อนๆ หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทำเป็นเรื่องแรก โดยหวังว่ามันจะช่วยกระตุ้นอะไรให้กับสังคมได้บ้างครับ"

"ดังนั้นแล้ววิธีหลักๆ ในการคิดหัวข้อเรื่องของก็คือ เราจะมองปัญหาที่เจอกับตัวเองก่อน และนำไปต่อยอดด้วยการประชุมกันในกลุ่มเพื่อสอบถามว่า แต่ละคนเคยเจอกับปัญหาอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น การขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า หรือการนั่งรถแท็กซี่ คือมันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราแต่ละคนเคยเจอมาแล้วทั้งนั้น หลังจากที่เราได้หัวข้อแล้ว เราก็จะมาวางแผนกันต่อว่าเราจะนำเสนอในรูปแบบไหน เราจะใช้ศิลปะแบบไหนในการสื่อสาร เพื่อให้คลิปที่ทำออกมาเป็นคลิปที่ถูกใจผู้ชม และกลายเป็นไวรัลที่คนให้ความสนใจ"

เวลาเจอปัญหาในการทำงาน เราจัดการอย่างไร ?

"ทุกครั้งก่อนที่จะออกไปถ่ายทำคลิป เราต้องมีการประชุมกันก่อนครับ เราต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าจะใช้คนจำนวนเท่าไหร่ จะต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง และตรวจเช็กสภาพอากาศในวันนั้นๆ ด้วยว่าเป็นอย่างไร รวมถึงต้องมองเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าถ้าหากเราไปถ่ายทำแล้ว มันจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่เราไปถ่ายทำเรื่องการขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า แต่วันนั้นเราอาจจะไม่เจอคนที่เขาทำแบบนั้นเลยก็ได้ ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่า เราวางแผนมาไม่ดีตั้งแต่แรก เราไม่ได้ทำการศึกษาสถานที่ก่อนที่จะเดินทางมาถ่ายทำครับ"

DOM Teamwork วางแผนให้ชาแนลนี้ ไปในทิศทางไหนในอนาคต ?

"ตอนนี้เราเริ่มที่จะใส่ subtitle เป็นภาษาอังกฤษแล้วครับ เพราะช่วงหลังมานี้เราเห็นว่ามีชาวเน็ตจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาชมคลิปกันเยอะ เราจึงอยากจะให้ชาวต่างชาติเขาได้เห็นคลิปวิดีโอฝีมือของคนไทยบ้าง ส่วนเรื่องราวในคลิปเราก็ตั้งใจจะทำให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น เพื่อให้งานของเรานั้นออกมาเป็นงานที่มีคุณภาพมากที่สุดครับ"

สุดท้ายแล้ว DOM Teamwork มีอะไรอยากจะฝากถึงสังคมไทยบ้างหรือเปล่า ?

"ผมมองว่ายุคนี้สมัยนี้วัยรุ่นไทยมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น ดังนั้นผมจึงอยากจะฝากไปถึงคนรุ่นเก่ามากกว่า คืออยากให้เขาเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสคิด ถึงแม้บางครั้งบางทีคนรุ่นใหม่อาจจะมีความคิดที่แปลกหรือแหวกแนว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นความคิดที่ผิด ส่วนเรื่องชาแนลของพวกผมที่อยากจะฝาก ถึงแม้บางครั้งคลิปที่พวกเราทำ มันจะดูเป็นการนำเสนอเรื่องแย่ๆ ในสังคม แต่ที่พวกผมทำแบบนี้ก็เพราะพวกผมมองว่า มันคือศิลปะอย่างหนึ่งในการสื่อสารที่อยากจะให้สังคมได้ตื่นตัว และตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่จริง เพราะสังคมเราก็เปรียบเสมือนกับแม่น้ำลำธาร หากสังคมของเราหยุดนิ่ง มันก็จะเหมือนกับน้ำที่ไม่ไหล ซึ่งน้ำที่ไม่ไหลสุดท้ายแล้วมันก็จะกลายเป็นน้ำเน่าครับ"