"หมอเก่ง วาโย" เปิดประวัติการเรียน คุณหมอสุดหล่อ ปริญญา 7 ใบ
เรียกว่าครบเครื่องจริงๆ สำหรับ หมอเก่ง หรือ นายแพทย์ วาโย อัศวรุ่งเรือง หรือ เก่ง เดอะสตาร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ อดีตรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้เขามีความน่าสนใจและเป็นแบบอย่างให้กับวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ก็คือ ถึงเขาจะเรียนจบและมีใบปริญญามาแล้ว 7 ใบ และถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะเรียนเพิ่มเติมอีก นั่นเอง
โดยในครั้งนี้ทาง Sanook! Campus เราก็จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จัก ประวัติ หมอเก่ง วาโย และดูหลักการคิดในแบบ หมอเก่ง ต้องคิดยังไง ทำตัวยังไง ถึงได้มีใจใฝ่เรียนจนได้ใบปริญญามาถึง 7 ใบ
ประวัติ หมอเก่ง วาโย
- หมอเก่ง มีชื่อจริงว่า วาโย อัศวรุ่งเรือง
- เกิดวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2530
- จบการระดับอนุบาล จาก โรงเรียนสุวัฒนา
- จบการศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนเซนต์ดอมินิก
- เข้าศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จาก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
- จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ระดับอุดมศึกษานั้น เขาสำเร็จการศึกษาจาก แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายการแพทย์ คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง (วิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก), วุฒิบัตรเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
- IG : wayots6
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบ หมอเก่ง
หมอเก่ง วาโย ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับปริญญา ใบปริญญาคือกระดาษแผ่นหนึ่ง จำนวนปริญญามันเป็นแค่จำนวน แต่ความรู้ที่เราได้ระหว่างการศึกษามันจะมีความสำคัญต่อชีวิตมากกว่า สาเหตุที่ทำให้เขาเป็นคนที่ใฝ่รู้รักการเรียนก็คือ เพราะเขาอยากที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆ และอยากเข้าไปในระบบการศึกษาเพราะว่ามันจะทำให้ตัวของเขาได้เจอกับคนที่อยากมาเรียนรู้เรื่องนี้เหมือนกัน เจอกับคุณครู เจอกับคนที่เก่งๆ ทำให้เราได้รับความรู้จากเขาโดยตรง
เคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถทำให้ตัวเองมาถึงขั้นนี้ได้นั้นก็คือคำดูถูกจากคนอื่นๆ นั่นเอง เพราะในสมัยเด็กนั้นเขาอาจจะไม่ใช่คนที่เรียนเก่งมาก โดนคนอื่นๆ ดูถูกมาตลอด แต่เขาก็ไม่เอาคำดูถูกนั้นมาทำให้เป็นเรื่องเครียดต่อตัวเอง แต่เขาเอามาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองอย่างเช่นการอ่านหนังสือ ซึ่งมันเป็นการกำจัดความเครียดของเขาด้วย เพราะในขณะที่เขาอ่านหนังสือนั้นมันทำให้เขาได้การพัฒนาและทำให้ตัวเองเก่งขึ้นนั่นเอง
อัลบั้มภาพ 49 ภาพ