"เฟิส ธนภัทร" เส้นทางจากเด็กขายลูกชิ้นหน้าวัด สู่การเป็นแชมป์มาสเตอร์เชฟประเทศไทย
เฟิส-ธนภัทร สุยาว ชื่อนี้ถูกบันทึกเอาไว้ว่า เป็นผู้ชนะรายการมาสเตอร์เชฟคนที่ 2 ของประเทศไทย และยังเป็นผู้ชนะที่มีอายุน้อยที่สุดนั่นเอง และเราต้องบอกเลยว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายๆ คนคิดกัน เพราะว่ากว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้เขาเรียกว่าเริ่มจากศูนย์เลยจริงๆ ไม่ได้เรียนการทำอาหารแบบเป็นสถาบันที่มีคณะสอนอาหาร แต่เขาเรียนแบบเป็นคอร์สๆ ไป แต่เขาก็สามารถแสดงความสามารถที่ตัวเองมีและก้าวเข้าสู่ความสำเร็จได้
ทำความรู้จักกับ เฟิส ธนภัทร
สวัสดีครับ ผมเฟิส ธนภัทร ครับ ผมเรียนจบหลักสูตรการทำอาหารไทย ที่ครัววันดี คือผมไม่ได้เรียนอะไรมากมาย แต่ถ้าหากจะถามถึงวุฒิการศึกษาสำหรับผมก็คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งพอผมเรียนจบมัธยมปลาย ผมก็หันมาเรียนต่อทางด้านการทำอาหารที่ครัววันดี ในคอร์สเบสิกการทำอาหารไทย หลังจากนั้นผมจึงเข้าสอบเพื่อขอใบประกอบวิชาชีพของกรมแรงงาน เป็นใบประกอบวิชาชีพเบื้องต้น เพราะผมตั้งใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากจะมีอาชีพเป็นคนทำอาหาร
ในอนาคตเฟิสจะเรียนต่อด้านการทำอาหารเพิ่มเติมไหม ?
ตอนนี้ผมกำลังมองเรื่องคอร์สอาหารยุโรปอยู่ครับ รวมถึงผมเองก็ตั้งใจจะต่อยอดคอร์สอาหารไทยของตัวเอง จากที่ตอนแรกผมจบหลักสูตรเบื้องต้นมาแล้ว ผมก็อยากจะพัฒนาฝีมือให้มันแอดวานส์มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็คงต้องจัดการและวางแพลนเรื่องร้านอาหารของผมให้ลงตัวก่อน ผมถึงจะสามารถไปเรียนต่อได้อย่างสบายใจ
นอกเหนือจากการเรียนเสริมคอร์สทำอาหารแล้ว อีกวิชาที่ผมสนใจก็คือการบริหารจัดการของทางมหาวิทยาลัย ที่จังหวัดน่าน อันนี้ก็พยายามหารายละเอียดอยู่เหมือนกัน เพราะผมก็อยากจะได้คณะที่สามารถเรียนช่วงพิเศษหรือภาคพิเศษได้
นอกเหนือจากงานด้านการทำอาหารแล้ว เรายังสนใจงานด้านไหนอีกบ้าง ?
ผมอยากทำยูทูปชาแนลครับ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังคุยเรื่องรายละเอียดกับรุ่นพี่ที่เขามีประสบการณ์อยู่ โดยความตั้งใจของผมก็คือ ผมอยากที่จะสอนทำอาหารเหนือ สอนทำขนม สอนทำเค้ก ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของการคุยรายละเอียดว่าเราควรจะทำมันให้ออกมาในรูปแบบไหน
เราเติบโตมาในครอบครัวของคนที่รักการทำอาหาร ทุกวันนี้ก็เห็นว่าคุณแม่กับคุณยายของเราท่านก็ยังทำอาหารขายด้วย ?
ใช่ครับ ยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้ตัวผมเองอาจจะมีเวลาไปช่วยน้อยลง เพราะในส่วนของผมที่ผมต้องดูแลทุกวันนี้มันก็มีเรื่องให้คิดตลอดเวลา อย่างล่าสุดผมก็ตั้งใจจะต่อยอดกิจการลูกชิ้นปิ้งของที่บ้านด้วยการทำลูกชิ้นแบรนด์ตัวเอง เพียงแต่ทุกๆ อย่างมันต้องใช้เวลา ทั้งเรื่องสูตร เรื่องของการขอ อย. และจิปาถะนู่นนั่นนี่อีกกเยอะเลย
อยากทราบเหตุผลว่าเพราะอะไรทำไมเราถึงไม่เลือกเรียนสถาบันที่มีคณะสอนทำอาหาร แต่กลับเลือกเรียนเป็นคอร์สทันทีที่จบ ม.6 ?
ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ผมเคยเข้าเรียนแล้วครับ แต่ว่าเรียนไปได้แค่ 1 เทอม ซึ่งในระหว่างเรียนผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่สนิทกันมาก เราก็เลยคุยกันว่าที่เรียนมาแล้วได้อะไรบ้าง จากนั้นเราก็เลยตัดสินใจลาออกทั้งคู่ เพื่อมาลงเรียนคอร์สระยะสั้นและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยความตั้งใจที่ว่าอยากจะเปิดร้านอาหารและมีกิจการเป็นของตัวเอง
พอจะบอกเหตุผลได้ไหมว่าทำไมเราถึงตัดสินใจลาออก ?
ผมไม่ชอบสไตล์การเรียนครับ ผมไม่ชอบเรียนวิทย์ เรียนคณิต หรือเรียนสถิติ ผมชอบที่จะเรียนทำอาหารมากกว่า นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมกับเพื่อนตัดสินใจลาออกแล้วมาเทคคอร์สกัน
การที่เราตั้งใจเรียนทำอาหารขนาดนี้แสดงว่าเราต้องมีประสบการณ์มามากพอตัวตั้งแต่แรก ?
ศูนย์เลยครับ เพราะผมเริ่มมาตั้งแต่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเครื่องแกงต้องทำอย่างไรจนกระทั่งได้เข้าเรียนแบบเทคคอร์ส ซึ่งจริงๆ การเรียนปกติมันก็สำคัญนะครับ เพียงแต่ว่าโดยส่วนตัวผม ผมชอบเรียนในแบบที่ผมสามารถปฏิบัติมันไปด้วยได้มากกว่า
แสดงว่าเราไม่ได้ยึดติดเลยว่าจะต้องมีวุฒิเป็นนักศึกษาปริญญาตรีหรืออะไรพวกนั้น ?
ใช่ครับ ผมไม่ได้คิดถึงวุฒิการศึกษา ผมไม่มองตรงนั้น แต่ผมก็ยอมรับนะครับว่าในตอนแรกที่ผมไปสมัครเรียน ผมก็มองอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายพอได้ลองเรียนจริงๆ แล้ว ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการทำ
ถ้าถามในมุมส่วนตัวของเรา เรามองอาชีพคนทำอาหารอย่างไร ?
ผมมองว่ามันเป็นการตอบสนองความต้องการของคนที่อยากทำจริงๆ มากกว่า เพราะทั้งเรื่องของการทำร้านอาหารและเรื่องของการทำสายอาชีพนี้ หากเราไม่มีความมุ่งมั่นมันก็จะอยู่ยาก เพราะมันไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่ามันจะสำเร็จ คือเราต้องมีความรักและความมุ่งมั่นในการทำอาหารเป็นอย่างแรกก่อนครับ
เรากำลังมองหาการเรียนภาคพิเศษเกี่ยวกับการบริหารจัดการ อันนี้มันเริ่มต้นมาจากอะไร ?
ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมมีร้านอาหารเป็นของตัวเองครับ เพราะผมต้องจัดการทั้งร้าน จัดการทั้งลูกทีม คือถ้าผมเลือกเรียนบริหารอย่างจริงๆ จังๆ มันก็น่าจะเข้ามาช่วยผมในการจัดการตรงนี้ได้ ตอนนี้ก็เลยเล็งอยู่ครับเพราะมันค่อนข้างจำเป็น ยิ่งถ้าได้นำมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจของตัวเองด้วยแล้ว มันก็ยิ่งมีความสำคัญมากเลยครับ
ทุกวันนี้ผมเข้าใจแล้วครับว่าการทำอาหารและการบริหารธุรกิจ สองอย่างนี้ความรู้มันต้องไปด้วยกัน ถ้าเราแค่ชอบทำอาหารอย่างเดียวมันยังไม่พอหรอกครับ เราต้องรักในการประกอบธุรกิจด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้เราไปไม่รอด
พูดถึงโอกาสที่เราได้รับจากรายการมาสเตอร์เชฟ เราเคยคิดไหมว่าจะมีวันนี้ มีทั้ง Cook Book มีทั้งร้านอาหารของตัวเอง จากที่เคยทำแค่ยืนขายลูกชิ้นปิ้งหน้าวัด ?
ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเลยครับว่าผมจะมีโอกาสได้มายืน ณ จุดนี้ เพราะที่ผ่านมาผมคิดแค่ว่าผมอยากที่จะทำในสิ่งที่ผมรัก โดยเฉพาะช่วงที่เข้าแข่งขันผมทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ทำด้วยความรักจริงๆ ถึงจะแพ้จะพลาดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากยังมีโอกาสได้ทำต่อ ผมก็จะทำให้สุดฝีมือในทุกๆ รอบที่เข้าแข่งขัน นั่นคือความรู้สึกของผมครับ และสุดท้ายผมก็ได้เป็นแชมป์ (ยิ้ม)
เราทำอาหารมาหลายปีมากๆ แล้ว ถ้าถามว่าการทำอาหารให้อะไรกับชีวิตเรา เราจะตอบได้ไหม ?
ได้ครับ เพราะสำหรับผมการทำอาหารมันให้ความอดทน มันทำให้ผมจัดการระบบชีวิตของตัวเองดีขึ้น เนื่องจากทุกครั้งที่เราทำอาหารมันต้องมีการจัดระบบความคิดในหัวตัวเอง ไหนจะขั้นตอนการซื้อ การคิด การเตรียม การทำ คือทุกอย่างมันต้องมีแบบมีแผนทั้งหมด แถมมันยังทำให้เรามีความจริงจังกับสิ่งที่เราตั้งใจด้วย และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ การทำอาหารมันให้เป้าหมายในชีวิตกับผม จากคนที่เรียนก็ไม่ได้เรียนเก่ง เลือกเล่นฟุตบอลก็เพราะอยากได้ทุน แต่ว่าการทำอาหารนี่แหละครับที่เป็นเป้าหมายเดียวในชีวิต
เรามีอะไรอยากจะบอกกับคนที่มีเป้าหมายแบบเราไหม ?
ผมอยากจะบอกแค่ว่ามันอาจจะเกิดความท้อจากคนรอบข้างได้ในวันแรกที่เราลงมือทำ เพราะมันจะต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับความฝันของเรา ดังนั้นเราต้องอดทนครับ เราต้องชอบและรักการทำอาหารจริงๆ เพราะถ้าหากเราไม่อดทนมันก็จะไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ
แสดงว่าเราเคยโดนคนรอบข้างคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการทำอาหารของเรามาก่อน ?
ผมโดนคัดค้านตั้งแต่เริ่มเรียนเลยครับ พอผมบอกพ่อกับแม่ว่าผมอยากจะเป็นเชฟตอนอายุ 17 ปี พ่อกับแม่ก็ไม่ให้เป็นเลยครับ เขาอยากให้ผมเรียนพละมากกว่า แต่สุดท้ายเมื่อถึงที่ผมได้เข้าเรียนคอร์สทำอาหารอย่างจริงๆ จังๆ พวกท่านก็ไม่ได้คัดค้านแถมยังสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะท่านเชื่อว่าผมจะต้องทำได้ เนื่องจากผมแสดงให้ท่านเห็นว่าผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ บนเส้นทางนี้
ฝากผลงานถึงแฟนๆ ที่ติดตามเราและมองเราเป็นแรงบันดาลใจหน่อย
ตอนนี้ผมก็มีหนังสือสูตรอาหารเป็นของตัวเองแล้วครับ ชื่อ First Tanapat MasterChef Thailand Season 2 Cookbook เป็นหนังสือสูตรอาหาร กับเมนูที่แฝงไว้ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานความเป็นอาหารเหนือตามแบบฉบับของเฟิสครับ ราคาเล่มละ 390 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่ LINE @Mastershopth (มี @) ข้างหน้าครับ แล้วก็สามารถติดตามเฟิสได้ที่ IG : tanapatsuyao หรือช่องทาง เพจ MasterChef Thailand - มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทยครับ
อัลบั้มภาพ 33 ภาพ