เด็กเชียงใหม่ อายุแค่ 13 ปี ติด 1 ใน 20 คนทั่วโลก จากการแข่งขัน "Google Science Fair"
บอกได้เลยว่าเด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ สำหรับเรื่องความสามารถ โดยล่าสุดนั้นทางแฟนเพจ จังหวัดเชียงใหม่ CM108.com ได้นำเสนอเรื่องราวของเด็ก 13 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนของเด็กไทยสามารถติด 1 ใน 20 คนทั่วโลกจากการแข่งขัน Google Science Fair
ซึ่งเด็กเก่งคนนั้นก็คือ น้องฮับ เด็กชาย เหมวิช วาฤทธิ์ เด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และอายุเพียง 13 ปี นักเรียนโรงเรียนวารีเชียงใหม่อินเตอร์เนชั่นแนล โดยน้องฮับ ผ่านเข้ารอบตัดสิน Google Science Fair ด้วยการประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังสำหรับผู้พิการทางหูนั่นเอง
น้องฮับ กล่าวว่า การได้ยินเสียงถือว่าเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญ ปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 422 ล้านคนทั่วโลก และตอนที่เรียนอยู่ ก็มีครูที่โรงเรียนมาบอกว่า มีโครงการ Google Science Fair ซึ่งตัวของเขาก็มีแนวคิดที่อยากช่วยเหลือคนพิการทางหูอยู่แล้ว จึงได้คิดทำโครงงานนี้ขึ้นมาโดยเขียนโปรแกรมและประดิษฐ์ผลงานนี้ขึ้นมา เพื่อส่งเข้าประกวดกับโครงการดังกล่าว แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็ได้นำแนวคิดนี้มาปรึกษาครอบครัว ประกอบกับเคยได้พูดคุยกับคนที่พิการทางหู เขามีน้ำเสียงที่ฟังดูเบา เหมือนไม่มีแรงและเสียงต่ำ จึงน่าจะทำให้คนเหล่านี้หลีกเลี่ยงการพูดและนำภาษามือมาใช้ในการสื่อสาร และมีอยู่วันหนึ่งขณะที่ตนกำลังเล่นกีตาร์ แล้วตนไม่ได้ต่อแอมป์ที่เป็นตัวขยายเสียง และเสียงโทรทัศน์ที่เปิดก็ดัง ทำให้เสียงกีตาร์ตนเบามาก ขณะนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ได้เอาคางไปแตะที่ตัวกีตาร์เพื่อจะฟังเสียง ปรากฏว่าเสียงดังขึ้น ชัดเจนขึ้น ตนจึงเกิดแนวคิดว่า อาจจะนำมาใช้กับคนที่พิการทางหูได้ จึงได้นำมาพัฒนาโปรเจคการทำเครื่องช่วยฟัง และการพัฒนาโปรแกรมฝึกการออกเสียงพูดขึ้น
ผลจากการทดสอบมาแล้วประมาณ 20 คน ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ความรู้กระดูกหูจากคุณหมอ จนนำมาสู่การทดสอบที่โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร ก็เริ่มทดสอบอย่างไม่เป็นทางการและพัฒนาอุปกรณ์มาเรื่อยๆ โดยตนนำแนวทางการใช้กระบังลมจากการร้องเพลง และตนเคยประกวดร้องเพลงในเวทีเดอะวอยซ์ คิดส์ ไทยแลนด์ มาช่วยฝึกให้คนพิการทางหู เขาทดลองเปล่งเสียงพูด หลังจากใส่อุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง เมื่อเขาได้ยิน เขาก็มีความกล้าที่จะทดลองเปล่งเสียง และก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อหู หรือการติดเชื้อในช่องหูด้วย ตนก็ดีใจที่ได้เข้าแข่ง Google Science Fair และยอมรับว่า ได้รับแรงกดดันมาก แต่ก็ทำให้ได้รับความรู้มากขึ้น ในจำนวนเด็กไทยที่เข้าแข่งขันจนถึงรอบ 100 คนสุดท้ายมีเพียง 2 คนที่เป็นคนไทย และตนเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยเข้าแข่งขันและเป็นเด็กไทยคนแรกที่เข้าถึงรอบ 20 คนสุดท้ายไปสู่รอบตัดสินในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งตนเห็นว่า ขณะนี้เทคโนโลยี และโลกออนไลน์เปิดให้การเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง และไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการเรียนรู้ เชื่อว่าหลายคนก็มีแนวคิด และโครงการดีๆ มากมาย ตนอยากให้เด็กไทยได้พัฒนา และอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเด็กไทยในด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีที่มากขึ้น เพราะโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก และอยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีในอนาคต เพราะเชื่อว่าคนไทยและเด็กไทยทำได้
นางนิชาพร วาฤทธิ์ แม่ของน้องฮับ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเด็กคนไทยทุกคนเก่ง และทำได้เหมือนน้องฮับ ก็อยากให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กเกิดพัฒนาการทางด้านการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่มากขึ้น ส่งเสริมเด็กไทยตั้งแต่อายุยังน้อย และเปิดเวทีให้กับเด็กได้กล้าแสดงออกมากขึ้น จะกลายเป็นแรงผลักดันในด้านความรู้ที่จะเข้าแข่งขันกับต่างประเทศไทย และอยากขอแรงเชียร์จากคนไทย ช่วยเชียร์น้องฮับในการแข่งรอบสุดท้าย เพราะถือเป็นเด็กไทยคนแรกที่เคยเข้าแข่งในรอบตัดสินของ Google Science Fair และอายุน้อยที่สุด ก็อยากขอแรงเชียร์จากพี่น้องในประเทศไทยด้วย
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ