เรื่องตลกที่ไม่ขำ เมื่อคนไทยเคยชินกับการสนุกกับปมคนอื่น
เคยฉุกคิดกันไหมว่าหลายต่อหลายครั้งการกระทำหรือคำพูดของเราจะไปกระทบกับจิตใจคนอื่น แม้ภายหลังคุณอาจจะยกข้ออ้างว่าเป็นเพียงการล้อเล่นขำ ๆ บอกคนที่ถูกแซวว่าอย่าไปซีเรียสแต่ไร้ซึ่งคำขอโทษและรู้สึกผิด และยังคงทำแบบเดิมต่อไปกับใครก็ตาม หารู้ไม่ว่าฝ่ายที่ถูกแซวในเรื่องที่ไม่ควรแซวนั้นเกิดบาดแผลในใจกลายเป็นการผูกปมเจ็บให้แน่นเข้าไปอีก คุณเองอาจสนุกปากแต่ความลำบากไปตกอยู่กับคนอื่น
แต่หากคิด ๆ ดูแล้วคงเป็นการยาก ถ้าจะให้การแซวขำ ๆ ที่ไม่ขำเอาเสียเลย หายไปแบบหมดจด เพราะมั่นใจได้เลยว่าฝ่ายคนแซวนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกของคนโดนแซวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งคนไทยต่างถูกปลูกฝังกันมานานนมจมลงก้นบึ้งของจิตใจ ว่าการพูดถึงข้อด้อยคนอื่นนั้นเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็พูดกัน มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
เราอาจคุ้นชินกับ ตลกสังขาร มาแต่ไหนแต่ไร การโชว์ตลกที่ใช้ความผิดปกติทางด้านร่างกายมาเรียกเสียงหัวเราะจากคนดู ซึ่งนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ การเหยียด กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็พูดได้อย่างนั้นหรือ
ยิ่งในวัยเด็กเราจะเห็นการเหยียดหยันปมด้อยคนอื่นได้มากที่สุดจากประสบการณ์ตรง เช่น ไอ้ดำ ไอ้อ้วน ไอ้เหยิน ซึ่งหาที่มาไม่ได้เลยว่า ผิวที่คล้ำ ร่างกายที่อวบมากกว่าคนอื่น หรือฟันที่ผิดปกติจากคนอื่น ๆ กลายเป็นเรื่องผิดแปลกไปตั้งแต่ตอนไหน กับบางคนนอกจากจะเป็นคำล้อแล้ว คำเหล่านั้นยังถูกเรียกแทนชื่อกลายเป็นฉายาติดตัวแบบไม่เต็มใจไปโดยปริยาย
ซึ่งโดยส่วนใหญ่เด็กอาจจะพูดอะไรกระทบจิตใจคนอื่นเนื่องด้วยเพราะความไร้เดียงสา สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรทำคือการอบรมให้เรียนรู้ในความแตกต่าง มากกว่าเห็นดีเห็นงามและหัวเราะไปกับเขา
เมื่อโตมาเรานำความบกพร่อง(ทั้งที่จริงอาจไม่ได้บกพร่อง)มาพูดกันได้อย่างหน้าตาเฉย พบเห็นได้มากจากการทักทายกันแบบไทย ๆ อย่าง ไม่เจอกันนานอ้วนขึ้นนะเรา, ไปทำอะไรมาทำไมขาลายจัง อีกทั้งนอกจากเรื่องกายภาพที่กลายมาเป็นอาวุธในการทำร้ายคนอื่นแล้ว ความผิดพลาดก็สร้างรอยแผลได้เช่นกันอย่าง เมื่อมีคนพูดผิดคนมักจะหัวเราะเยาะแทนที่จะพูดหรือบอกดี ๆ ให้เขาเข้าใจ
ผลเสียจากความไม่ตั้งใจ
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเกิดมาผิดปกติ ทุกคนต่างก็อยากเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป แต่เมื่อผิดแปลกหรือไม่ปกติจากคนอื่นสิ่งที่ตามมาคือ การหลีกเลี่ยงที่ไม่พ้น ของการถูกแซวหรือจี้จุดด้อย
สำหรับฝ่ายโดนแซว ไม่ว่าจากคนสนิท คนไม่สนิท ผู้ใหญ่ จะทำให้เกิดแผลขึ้นในใจแต่โทษใครไม่ได้เลย ผลทางด้านจิตใจคือการขาดความมั่นใจในตัวเอง บางคนก็ปลีกตัวจากสังคมไม่สุงสิงกับใครเพราะคิดว่าคุยกับใครก็จะถูกจี้ปม ซึ่งภูมิต้านทานของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันอยู่แล้ว บางคนอาจสนุกไปกับคุณไม่ได้คิดอะไรมาก
มิหนำซ้ำความใจร้ายของการล้อปมด้อย ยังทำให้พวกเขาเป็นคนผิดซ้ำสอง โดนกล่าวหาว่าอ่อนแอเพราะแค่แซวเล็กน้อย แต่ลองคิดดูว่าทั้งชีวิตของเขาก่อนที่จะถูกคุณแซวเขาโดนมากี่ครั้งแล้ว
หรือต้องเจอด้วยตัวเอง
การพูดแบบไม่คิดไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม และยิ่งเมื่อคนโดนล้อไม่ตอบโต้อะไรจะยิ่งคิดว่าเขาไม่เป็นอะไร เราควรเปลี่ยนความคิดในจุดนี้กันได้แล้ว เราควรให้เกียรติกับทุกคนที่เราพบเจอไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร
ซึ่งในจุดนี้หลายคนอาจยังไม่ยอมรับว่าการพูดจากระทบจิตใจคนอื่นนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงที่สามารถส่งผลในระยะยาวได้ เห็นเป็นเพียงเรื่องตลกโปกฮาสร้างความครื้นเครงบันเทิงให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ จนกว่าจะเจอด้วยตัวเองแน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนั้นคุณจะเข้าใจความรู้สึกของผู้ถูกกระทำอย่างลึกซึ้งเลยล่ะ
อย่ารอให้คนรอบข้างตีตัวออกห่างเพราะปากเราเอง
อย่าเอาเรื่องไม่ขำของคนอื่นมาทำให้เป็นเรื่องตลกเพื่อความบันเทิง เลิกสนุกและจำกัดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยได้แล้ว เพราะคนพูดพูดเสร็จก็ลืม แต่กับคนที่โดนทำร้าย คำพูดเหล่านั้นจะฝังในจิตใจและสะสมไปยาวนานไม่จางหาย ความเจ็บปวดที่คุณไม่ได้สัมผัส หากโดนด้วยตัวเองเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้เอง