พลังโซเชียลกระบอกเสียงที่กระตุ้นให้เกิดการกระเตื้อง เพื่อเสียงร้องของเหยื่อ

พลังโซเชียลกระบอกเสียงที่กระตุ้นให้เกิดการกระเตื้อง เพื่อเสียงร้องของเหยื่อ

พลังโซเชียลกระบอกเสียงที่กระตุ้นให้เกิดการกระเตื้อง เพื่อเสียงร้องของเหยื่อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในหลาย ๆ ระลอกของข่าวคราวการให้ความช่วยเหลือกับผู้เคราะห์ร้ายหรือการประณามผู้กระทำผิดได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ด้วยความที่ทุกกระแสโซเชียลในบ้านเรานั้นสามารถสร้างแรงกระเพื่อมก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่ได้ในเวลาอันสั้น ส่งแรงกดดันกระตุ้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการรับผิดชอบแสดงการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

ทุกคนควรรู้แก่ใจตัวเองว่า โซเชียล เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่หากพูดถึงฝั่งคมด้านลบที่คมกริบสามารถฟาดฟันเป้าหมายได้อย่างรุนแรงจนยากที่จะต้านทาน ดังที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อะไรก็ตามที่เป็นข่าวดังกระพือสะพัดในสังคมออนไลน์ ผู้คนพร้อมที่จะให้ความสนใจและทุ่มเทเวลาแสดงความคิดเห็น ขุดคุ้ย หาเรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริง ผสมปนเปไปทั้งคนที่คอยติดตามอย่างไม่ห่างและคนที่ลงมือออกแรงร่วมคุ้ยประเด็นเพื่อหวังนำเสนอแก่สังคม โดยตั้งเป้าหมายทางออกเป็นการขับเคลื่อนสังคม

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนกระบอกเสียงที่คอยหนุนหลังช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกกระทำ กดดันจำเลยผู้กระทำผิดให้แสดงความรับผิดชอบ หรือแม้กระทั่งต่อสู้กับ อำนาจ เงินตรา และอิทธิพล สามสิ่งนี้คือเชื้อเพลิงชั้นดีในการโหมไฟไล่บี้ฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยทำให้เกิดความคืบหน้าต่อความรับผิดชอบ

บ่อยครั้งที่มีความพยายามปกปิดหรือไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามอีกทั้งกระบวนการยุติธรรมอาจต้องใช้เวลาสักระยะ ทำให้กระแสเบาลงผู้มีส่วนรับผิดชอบก็ลอยนวลในสังคมต่อไป จนข่าวคราวเงียบไปในที่สุด สุดท้ายก็ไร้ซึ่งการเยียวยาในฝ่ายผู้ถูกกระทำ

จึงต้องใช้การหวังพึ่งกระแสผลักดันจากสังคมโซเชียล ที่ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบและเพื่อให้เหยื่อได้รับการเยียวยาอย่างสมควรไม่ว่าจะด้วยสภาพจิตใจหรือทรัพย์สิน และเป็นการกระตุ้นให้เกิดความกระเตื้องไปในทางที่ดีขึ้น บางทีก็เป็นการบีบให้ได้เห็นความจริงมากยิ่งขึ้น

แต่แม้อย่างนั้นการลงทัณฑ์ทางสังคมโซเชียลก็ก่อให้เกิดผลร้ายได้ไม่น้อยเช่นกัน

บางครั้งคนเรามีความ อิน กับประเด็นที่เกิดขึ้นจนเรียกได้ว่า เสียสติ ด้วยบางครั้งการรับสารหรือข้อมูลที่เพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอหรือครอบคลุม แต่มีความอินกับเรื่องราวจนมีการด่าแบบสาดเสียเทเสียกับบุคคล ซึ่งบางทีบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมายอาจไม่ได้กระทำผิดจริงด้วยซ้ำ และเมื่อกระแสพัดโหมเข้ามาหนักก็ยากที่จะถอยกลับ กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นแพะไปโดยปริยาย โดนด่าฟรี เสียหน้า เสียชื่อเสียง ครั้นจะมีคนรู้ความจริงก็ไม่ใช่ทั้งหมด

การติดตามข่าวสารทุกครั้ง ควรเป็นไปตามขอบเขตของจริยธรรม และรู้เท่าทันการปลุกปั่นอีกทั้งควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนทุกด้านก่อนที่จะแสดงความเห็นไปยังสาธารณะ กลายเป็นศาลเตี้ยที่คอยตัดสินทุกสิงทุกอย่างด้วยความคิดและมุมมองเพียงด้านเดียวขาดซึ่งความกระจ่าง กลายเป็นไฟลามทุ่งสร้างผลเสียมากกว่าผลดี

จริงอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาตามขั้นตอน หน้าที่พลเมืองในสังคมที่ดีคือการสอดส่องและจับตาดูก็พอ อาจมีการส่งเสียงกระตุ้นบ้างเพื่อความกระเตื้องไม่ให้ประเด็นหายเข้ากลีบเมฆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบเขตคือเรื่องสำคัญ และแน่นอนทุกสิ่งก็ควรเป็นไปตามกระบวนการที่โปร่งใสร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่จำเป็นต้องรับแรงกดดันจากสังคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook