ข้อตกลงเพื่อให้เด็กได้ปฏิบัติและการบ้านของเด็กญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม

ข้อตกลงเพื่อให้เด็กได้ปฏิบัติและการบ้านของเด็กญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม

ข้อตกลงเพื่อให้เด็กได้ปฏิบัติและการบ้านของเด็กญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปิดเทอมภาคฤดูร้อนของนักเรียนญี่ปุ่นเป็นการปิดเทอมที่ยาวประมาณ 1-2 เดือน โดยไม่ได้เป็นการเลื่อนชั้นเหมือนปิดเทอมภาคฤดูร้อนบ้านเรา โรงเรียนญี่ปุ่นจึงต้องมีข้อตกลงและมีการบ้านให้แก่เด็ก ๆ มาดูตัวอย่างข้อตกลงและการบ้านที่โรงเรียนประถมศึกษาให้แก่เด็กในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนกันนะคะ

ตัวอย่างข้อตกลงเพื่อให้เด็กได้ปฏิบัติในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน

kj_20160324_06

  • เข้านอนเร็วและตื่นเช้าเพื่อสุขภาพที่ดี
  • ล้างมือและบ้วนปากเพื่อป้องกันการป่วยไข้
  • ช่วยเหลืองานบ้าน
  • ไม่ลืมการกล่าวทักทาย
  • ออกไปเล่นนอกบ้าน
  • เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดโดยชุมชน เช่น กิจกรรมออกกำลังกายตอนเช้าและกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงหน้าร้อน
  • ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ

การบ้านเด็กในช่วงปิดเทอมของเด็กประถมศึกษา

img_8321-2

  • เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เด็ก ๆ ก็มีการบ้านดังนี้
  • แบบฝึกหัดวิชาภาษาญี่ปุ่นและคณิตศาสตร์จำนวนหนึ่งเล่ม
  • อ่านหนังสืออย่างน้อย 5 เล่มและสรุปความประทับใจจากหนังสือแต่ละเล่มด้วยเนื้อหาสั้น ๆ สำหรับเด็ก ป.1
  • อ่านหนังสือเพื่อเขียนสรุปเป็นเรียงความอย่างน้อย 700 คำสำหรับเด็กนักเรียนตั้งแต่ ป.2 ขึ้นไป
  • จดบันทึกการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกไว้ที่โรงเรียนและนำกลับมาดูแลที่บ้านในช่วงปิดเทอม
  • วาดรูปโปสเตอร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งจากหัวข้อที่กำหนด เช่น การแยกทิ้งขยะ การกล่าวทักทาย ความปลอดภัย และการลดเลิกการรังแก เป็นต้น
  • โครงงานพิเศษหรือจิยูเค็งคิว (自由研究) เพื่อให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ทั้งในรูปแบบงานประดิษฐ์ เขียนบันทึกการสังเกต ตลอดจนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เด็กสนใจ เป็นต้น

ปฏิทินการแปรงฟันเพื่อให้เด็กไม่ลืมแปรงฟัน

hamigaki2017-thumb-600x344-18

นอกจากนี้ก็ยังมีการบ้านปลีกย่อยตามแต่ละโรงเรียน

แม้ว่าการบ้านเป็นสิ่งที่เตือนให้เด็ก ๆ ได้ทบทวนบทเรียนและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่ก็เป็นเหมือนการบ้านของพ่อแม่ด้วยที่ต้องช่วยคิดช่วยทำให้สำเร็จโดยเฉพาะโครงงานพิเศษหรือจิยูเค็งคิว อย่างไรก็ตามโครงงานพิเศษเป็นการบ้านที่นอกจากจะปลูกฝังเด็กให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ก็เป็นการฝึกให้เด็กได้คิดได้ทำสิ่งที่ชอบ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญให้เด็กค้นพบความชอบของตนเอง ตลอดจนเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นนักประดิษฐ์และนักวิทยาศาสตร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในอนาคต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook