ไม่มีของฟรีที่จีรัง เมื่อข้อมูลคือสิ่งที่มีมูลค่าที่สุดในยุค Internet of Things
ของฟรีไม่มีในโลก คุ้นเคยกับคำนี้กันดีใช่ไหม แล้วคิดว่ามีส่วนจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าให้คิดแล้วคิดอีกคิดเชิงลึกลงไปก็คงต้องบอกได้เลยว่าจริง เพราะไม่มีอะไรที่เราจะได้มาฟรี ๆ อย่างแน่นอนอยู่แล้ว ลองคิดดูแม้กระทั่งหากมีคนให้ของกับคุณมาฟรี ๆ แน่นอนว่าในอนาคตคุณต้องช่วยเหลือเขาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
ในยุคของ Internet Of Things ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกันได้หมดผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่องของข้อมูล(Data) นับเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล เพราะข้อมูลนี่แหละคือการนำไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจให้เติบโตได้ จากกรณีล่าสุดที่ Facebook เปลี่ยนสโลแกนในหน้าแรกของเว็บไซต์จาก Sign up, It’s free and always be. มาใช้คำใหม่ว่า Sign up, It’s quick and easy. ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ไป Facebook จะเก็บเงินจากผู้ใช้บริการ เพียงแต่ตลอดมาการใช้ Facebook ของเรา เราได้ใช้จ่ายแลกเปลี่ยนกับเขาไปแล้วในรูปแบบของข้อมูล
ในความจริงที่เราต้องยอมรับตรงกันว่า ข้อมูลมีมูลค่าในตัวของมันเอง และการใช้ Facebook หรือสื่อ Social media ต่าง ๆ นั้น แม้จะฟรีแต่เราต้องแลกกับการอนุญาตให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นเหล่านั้นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเรานั่นเอง
monitor screengrab
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เราได้สร้างทิ้งไว้บนอินเทอร์เน็ตแม้จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้แหละที่จะมากน้อยหรือมีรายละเอียดอย่างไรจะถูกนำมาวิเคราะห์โดยบริษัทเหล่านั้นเพื่อการหาผลลัพธ์และโอกาสของการทำกำไรในช่องทางธุรกิจ
ยกตัวอย่าง เช่น Google เสิร์ชเอนจิ้นระดับบิ๊กที่ผู้คนใช้งานมากที่สุดทั่วโลก ไม่ว่าจะในการหาข้อมูลหาสินค้าต่าง ๆ นานาเหล่านี้แหละที่เป็นข้อมูลเพื่อไปใช้ในการวิเคราะห์ ทำให้ Google สามารถขายโฆษณาให้กับบริษัทหรือผู้ให้บริการต่าง ๆ ได้ปรากฏให้ผู้ใช้เห็นแนบเคียงกับคำตอบที่ค้นหา และจะยังปรากฏเป็นโฆษณาให้เราเห็นอีกบ่อยครั้ง
และยิ่งในเว็บไซต์ Facebook ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดยิบย่อยมากกว่าเจ้าอื่น ๆ อันเนื่องจาก มีข้อมูล ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สิ่งที่สนอกสนใจ ไลฟ์สไตล์ ศาสนา ซึ่งในส่วนของข้อมูลตรงนี้จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเลยว่าการนำไปประมวลวิเคราะห์ออกมาเป็นโฆษณาทำให้เห็นผลดีกว่าเพราะรายละเอียดยิบย่อยลึกกว่ามาก
ดังนั้นพึงระลึกไว้เลยว่า ในยุคนี้การกระทำต่าง ๆ ของเราที่โยงใยอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นล้วนมีความส่วนตัวน้อยมาก ทุก ๆ พฤติกรรมการใช้งานสามารถทำไปแปรเป็นค่าเงินให้กับผู้เก็บกำข้อมูลเหล่านั้นได้มากมหาศาล
อย่างที่เรามักตั้งข้อสังเกตกันว่า เกือบทุกครั้งที่เรามักพูดถึงหรือพิมพ์แชทคุยกับเพื่อนถึงอะไรบางอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานเราจะเห็นโฆษณาเกี่ยวกับสินค้านั้น ๆ ที่ตรงกับความคิดหรือคำพูดและประโยคแชทหราอยู่บนหน้าอินเทอร์เน็ตจนอดคิดไม่ได้ว่าเขาแอบฟังเราอยู่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นอยากให้ทุกคนคิดในอีกมุมหนึ่งดูบ้างว่า ..เพราะอะไรล่ะเราจึงนึกถึงสินค้าตัวนี้