มนุษย์กับการเป็นอยู่ที่ยากมากยิ่งขึ้นทุกวัน

มนุษย์กับการเป็นอยู่ที่ยากมากยิ่งขึ้นทุกวัน

มนุษย์กับการเป็นอยู่ที่ยากมากยิ่งขึ้นทุกวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของโลกกำลังเป็นไปในแง่ของการถดถอยมากขึ้นทุกวี่วัน จากหลากหลายปัจจัยที่สัมพันธ์กันและส่งผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สิ่งเหล่านี้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงสภาพของโลกไปอย่างช้า ๆ แต่เนื่องด้วยการใช้โลกแบบเกินขีดจำกัดทำให้ความเสื่อมถอยของธรรมชาตินั้นทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นรวดเร็ว

ความเป็นอิสระและไร้ซึ่งการควบคุม ทำให้มนุษย์ลืมตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมาจากการกระทำของเผ่าพันธุ์ตนเอง ทั้งการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างสิ้นเปลือง ถึงแม้ว่าความตื่นตัวในเรื่องของภาวะโลกร้อนที่หลายหน่วยงานต่างรณรงค์ให้ทุกคนช่วยรักษาหรือเยียวยาโลกใบเดียวใบนี้ของคนหลายพันล้านคน แต่ยังดูเหมือนเสียงที่ส่งออกไปนั้นยังไม่ดังมากพอหรือเพราะเราต่างทำเป็นหูทวนลมก็เป็นได้ การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นจึงเป็นไปอย่างเนิบช้ากว่าที่ควร

แม้ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เองจะเจริญอย่างต่อเนื่องในด้านของนวัตกรรมและอุตสาหกรรมทำให้การเป็นอยู่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งมีความเจริญสูงขึ้นมากเท่าไหร่เรายิ่งเบียดเบียนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น

modified-1744952_960_720

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนอกจากจะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมของโลกแล้ว หากมองให้ลึกและจำแนกแยกย่อยลงไปอีกจะพบได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีผลต่อทุก ๆ อย่างที่เป็นไปในโลกใบนี้ ทั้งสิ่งอุปโภคบริโภค การเกษตร เชื้อโรคชนิดใหม่และโรคระบาด สุขภาพและภูมิต้านทานของมนุษย์ที่อ่อนแอลงกับสภาพภูมิอากาศที่โหดร้าย

และหากเอ่ยถึงการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยของสิ่งมีชีวิต สิ่งที่ส่งผลต่อชีวิตของทุก ๆ คนในขณะนี้ถึงขนาดความเปลี่ยนแปลงในระดับ DNA เลยก็คือ GMOs

GMOs หรือ (Genetically Modified Organisms) เป็นกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม สำหรับการตัดแต่งยีนของสิ่งมีชีวิต ซึ่งหากพูดเฉพาะเจาะจงในด้านของการเกษตรเพื่อกระบวนการผลิตอาหารก็คือการปรับแต่งพันธุกรรมให้ตรงตามความต้องการ เช่น ปรับแต่งยีนของพืชให้มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม เสี่ยงต่อโรคระบาดและศัตรูพืชน้อยลง เก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณในการเก็บเกี่ยว

ยกตัวอย่าง การน้ำยีนจากถั่วสายพันธ์ุหนึ่งไปเพิ่มในพันธุกรรมของถั่วอีกชนิดหนึ่งเพื่อเพิ่มโปรตีนในถั่วชนิดหลัง

แต่การตัดแต่งพันธุกรรมนี้สร้างความน่าเป็นห่วงให้กับผู้คนไม่น้อย เพราะเล็งเห็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตในระยะยาว เพราะถึงแม้จะเป็นการปรับแต่งให้อุตสาหกรรมอาหารดีขึ้นแต่ก็เปรียบได้ดั่งดาบสองคม

เพราะสิ่งมีชีวิตที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมอาจส่งผลต่อผู้บริโภคที่ได้รับการปนเปื้อนจากกระบวนการ GMOs เข้าสู่ร่างกายส่งผลต่อระบบพันธุกรรมซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายได้ เช่น

  • การปนเปื้อนสารอันตราย เนื่องจากกระบวนการปรับแต่งที่ลบข้อด้วยในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ แต่การควบคุมคุณภาพอาจไม่ดีพอซึ่งทำให้สารอันตรายตกค้างได้
  • ภาวะดื้อยา กระบวนการ GMOs ส่วนใหญ่จะมีการนำยีนที่ทนทานต่อการติดเชื้อแบคทีเรียเข้าไปด้วย ทำให้เมื่อยีนเหล่านั้นเข้าไปอยู่กับเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายก็จะทำให้เชื้อนั้นทนทานและดื้อยามากขึ้น
  • ก่อให้เกิดมะเร็ง การรับผลผลิตจากกระบวนการ GMOs อาจสะสมทำให้เซลล์เกิดความเปลี่ยนแปลงนำไปสู่มะเร็งได้ ด้วยสารพิษที่ตกค้าง
  • โทษทางโภชนาการ ด้วยการรับสารอาหารที่อาจจะมากเกินไปจากผลผลิตที่ผ่านกระบวนการ GMOs จึงอาจมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อร่างกายได้ และตกทอดไปยังทารกในครรภ์

นอกจากนี้ผลผลิตอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ได้อีกด้วย หากมีการตกค้างหรือเจือปนต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น แมลง สัตว์ตามธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์และพันธุกรรมได้ และผลร้ายแรงที่สุดก็คือการสูญพันธุ์และเสียสมดุลทางธรรมชาติ

ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีผลวิจัยที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่ากระบวนการปรับแต่งพันธุกรรมนั้นมีข้อดีหรือมีโทษมากกว่ากัน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวซึ่งไม่ควรมองข้าม การเลือกซื้อหรือบริโภคต้องมีความถี่ถ้วนมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากสารตกค้างที่ส่งผลต่อสุขภาพเราได้ภายหลัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook