ตื่นสายได้อีกนิด แคลิฟอร์เนีย เลื่อนเวลาเด็กมัธยมเข้าเรียนช้าลง
ผู้ว่าการรัฐ Gavin Newsom ลงนามในกฎหมายที่จะเลื่อนเวลาเข้าเรียนให้ช้าลงเมื่อกลางเดือนตุลาคม ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่โรงเรียนมัธยมต้นจะเข้าเรียนเวลา 8.00 น. หรือหลังจากนั้น
ในขณะที่โรงเรียนมัธยมปลายจะเข้าเรียนเวลา 8.30 น. หรือหลังจากนั้น ส่วนชั้นเรียนทางเลือกที่เข้าเรียนตอนเช้าก็จะยังคงมีอยู่
กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเฉพาะทางของรัฐ ยกเว้นโรงเรียนที่อยู่ตามเขตชนบท เวลาเข้าเรียนใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 หรือเมื่อข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างโรงเรียนและลูกจ้างหมดอายุลง แล้วแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทีหลัง
วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย Anthony Portantino ผู้ร่างกฎหมายฉบับนี้เขียนแสดงความยินดีกับข่าวนี้ใน Facebook ว่า
“ในที่สุดเรื่องสุขภาพและสวัสดิการของเด็ก ๆ ก็เป็นฝ่ายชนะ ขอขอบคุณผู้ว่าการรัฐ Newsom ที่ลงนามในกฎหมาย SB 328 เพื่อเลื่อนเวลาในการเข้าเรียนให้ช้าลงแก่โรงเรียนมัธยมต้นและโรงเรียนมัธยมปลาย เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพของเด็กนักเรียนรวมถึงผลการเรียนของเด็ก ๆ ด้วย”
ทั้งนี้แพทย์หลาย ๆ คนต่างลงความเห็นว่า การเข้าเรียนในเวลาที่เช้ามากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของเด็กนักเรียน
การเคลื่อนไหวของรัฐแคลิฟอร์เนียในครั้งนี้สอดคล้องกับการศึกษาวิจัยและแนวทางปฏิบัติจากหน่วยงานด้านสุขภาพชั้นนำของประเทศ
สถาบันกุมารเวชสหรัฐฯ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ และสมาคมการแพทย์อเมริกัน ต่างแนะนำว่า ทั้งโรงเรียนมัธยมต้นและโรงเรียนมัธยมปลายควรเข้าเรียนในเวลา 8.30 น. หรือสายกว่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กนักเรียนจะตื่นตัวและพร้อมที่จะเรียนหนังสือเมื่อมาถึงโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม การศึกษาของศูนย์ควบคุมป้องกันโรค หรือ CDC ในปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า กว่า 80% ของโรงเรียนรัฐบาลทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายในสหรัฐฯ เริ่มต้นการเรียนการสอนเช้ากว่านั้น
แต่การที่จะบอกให้บรรดาวัยรุ่นเข้านอนให้เร็วขึ้นก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน
สถาบันการแพทย์อเมริกันด้านการนอนหลับ หรือ AASM (American Academy of Sleep Medicine) ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ ทำให้หนุ่มสาวเหล่านี้ง่วงนอนกันช้าลงในช่วงที่กำลังแตกเนื้อวัยหนุ่มสาว และต้องการเวลานอนนานขึ้นในช่วงเช้า และว่าพฤติกรรมการนอนหลับที่ไม่ดีบวกกับการเข้าเรียนที่เช้ามาก ทำให้เด็กหนุ่มสาวส่วนใหญ่นอนหลับไม่เพียงพอ
AASM แนะนำว่า เด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 12 ปี ควรนอนหลับคืนละ 9-12 ชั่วโมง ในขณะที่วัยรุ่นควรนอนหลับ 8-10 ชั่วโมง
การศึกษาของ CDC เมื่อปี พ.ศ. 2560 ในเรื่องพฤติกรรมที่เป็นความเสี่ยงต่อเยาวชน ระบุว่า มีเพียงหนึ่งในสี่ หรือ 25% ของนักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศเท่านั้นที่นอนหลับ 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
สถาบันการแพทย์อเมริกันด้านการนอนหลับ เตือนว่า การนอนหลับน้อยกว่าคำแนะนำนั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาในเรื่องความสนใจ พฤติกรรมและการเรียนรู้ วัยรุ่นที่นอนหลับไม่เพียงพอมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ การเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเอง หรือมีความคิดหรือพยายามที่จะฆ่าตัวตายอีกด้วย