เมื่อความเห็นที่เปิดกว้าง ทำให้เกิดจำเลยสังคมได้ง่ายขึ้น
จะเป็นอย่างไรหากจู่ ๆ คุณต้องตกเป็นจำเลยของสังคมทั้งที่คุณไม่ได้ทำผิดอย่างที่ใครต่อใครกล่าวหา แน่นอนว่าจากความปกติสุขที่เป็นอยู่คุณต้องเดือดร้อนอย่างหนัก จากการอธิบายก็จะกลายเป็นคำแก้ตัว ไม่มีแม้แต่คนที่รับฟังมีแต่คนที่จ้องจับผิดและบีบให้คุณยอมรับในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ
ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้าถึงคนทุกพื้นที่ ผู้คนต่างเข้ามาจับจองมีบทบาทอยู่บนโลกออนไลน์ มันคือความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งในสังคม ทำให้การรับรู้ของผู้คนเปิดกว้างขึ้น ได้รับรู้การเป็นไปของชีวิตคนอื่น ๆ ได้อย่างง่าย ข่าวสารกระจายได้อย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าเร็วเกินไป
กับในสังคมไทยที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทกับเราอย่างมาก ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามหากถูกจุดโหมเป็นกระแสขึ้นมาแล้วก็ยากที่จะมอดลง โดยเฉพาะกับเรื่องราวที่อยู่ในกระแสข่าวที่เนื้อหาดึงความสนใจจากผู้คนได้อย่างมาก บวกกับช่องทางการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีการกรองทำให้เกิดการชี้นำทางความคิดได้ง่ายยิ่งขึ้น จนนำไปสู่การด่วนสรุป แตกแขนงออกไปในหลายทิศทาง
ยกตัวอย่างคดีสะเทือนขวัญกรณี ลูกชายฆ่าหั่นศพแม่แท้ ๆ ของตัวเอง ซึ่งจากการรายงานข่าวของสื่อในช่วงแรกเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้เกิดนักสืบโซเชียลผุดขึ้นมากมาย มีการคาดคะเนเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งที่มีมูลเค้าความจริงเพียงนิดเดียว ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือการใช้ความเห็นชักนำความคิดคนอื่น ๆ ไปจนสู่การพุ่งเป้าป้ายสีทำให้เกิดแพะของสังคมตามมา ทั้งคำด่าสาปแช่งหยาบคายที่ผู้ตกเป็นแพะได้รับทั้งที่ตามกระบวนการยังไม่มีการพิสูจน์จนพบความจริงที่ยืนยันอะไรได้
ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์นี้เท่านั้นที่ผู้คนชี้เป้าแพะของสังคมขึ้นมา แต่เป็นมาต่อเนื่องโดยตลอดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นที่จับตาของคนในสังคม เนื่องจากโซเชียลมันรวดเร็วและไร้ซึ่งการกรอง กับความสะดวกที่ใครคิดอะไรก็สามารถพิมพ์ลงไปได้ ซึ่งทำให้ขาดการยั้งคิดว่าคำหรือประโยคเหล่านั้นจะส่งผลอย่างไรต่อความคิดคนอื่น ๆ หรือสังคม จึงควรพิจารณาความคิดของตนเองก่อนอย่างรอบคอบ เป็นผู้อ่านและผู้ติดตามที่ดีให้ได้ เพื่อสุดท้ายจะได้ไม่เกิดการใช้ความคิดที่ขาดการกรองเป็นคมมีดทำร้ายผู้อื่น