สหรัฐฯ เร่งเพิ่มนักเรียน LGBTQ ในโรงเรียนแพทย์

สหรัฐฯ เร่งเพิ่มนักเรียน LGBTQ ในโรงเรียนแพทย์

สหรัฐฯ เร่งเพิ่มนักเรียน LGBTQ ในโรงเรียนแพทย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คำว่า LGBTQ นั้นย่อมาจาก lesbian หรือหญิงรักหญิง gay หรือชายรักชาย bisexual คนที่ชอบทั้งชายและหญิง transgender คนข้ามเพศ and queer หรือกลุ่มคนที่ไม่ได้มีเพศตามขนบสังคมทั่วไป

Aliya Feroe ยังจำวันที่แพทย์คนหนึ่งไม่ยอมรักษาเธอ แต่กลับส่งเธอให้ไปพบแพทย์อีกคนหนึ่งหลังจากทราบว่าเธอเป็น Queer แพทย์ที่ไม่ยอมรักษาเธอนั้นเป็นผู้หญิงและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสตรีอีกด้วย ส่วน Rhi Ledgerwood ได้รับคำแนะนำต่าง ๆ จากแพทย์ เช่น การป้องกันการตั้งครรภ์

Ledgerwood เกิดมาเป็นเพศหญิง แต่ตอนนี้เธอเป็นคนข้ามเพศและไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย คนข้ามเพศนั้นจะมีอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างจากเพศที่ถือกำเนิด
สำหรับ Tim Keyes แพทย์คิดว่าเขาสนใจในการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง แต่ที่จริงแล้วเขาไม่สนใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงเลย เมื่ออายุได้ 17 ปี Keyes ก็ประกาศว่าตนเป็นเกย์

ข้อมูลจากกลุ่มผู้สนับสนุน LGBTQ ในสหรัฐฯ ชี้ว่า บรรดาแพทย์มักคิดว่าผู้ป่วยทุกคนของตนเป็นผู้ที่มีความสนใจในเพศตรงข้าม ดังนั้นกลุ่มคนที่เป็นเพศทางเลือกจึงรู้สึกเหมือนถูกเพิกเฉย นอกจากนี้พวกเขายังไม่ค่อยเข้ารับการรักษาพยาบาล ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา รวมถึงภาวะซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาเสพติด และการคัดกรองสุขภาพที่ไม่ได้ผลในอัตราที่ค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุนเหล่านี้กล่าวว่า กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในวงการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การที่สมาคมการแพทย์อเมริกันหรือ AMA ได้ให้คำมั่นไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าจะผลักดันกฎหมายห้ามการรักษาที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงสมาชิกของชุมชน LGBTQ ให้เป็น heterosexuals หรือคนที่สนใจเพศตรงข้าม

นอกจากนี้ โรงเรียนแพทย์ของสหรัฐฯ กำลังขยายการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคนกลุ่ม LBGTQ และบางโรงเรียนกำลังผลักดันให้มีนักเรียนแพทย์ที่เป็นชาว LGBTQ ให้มากขึ้น

การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยมักจะได้รับการดูแลที่ดีกว่าเมื่อได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศคล้ายกับตน

Aliya Feroe เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สามที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในรัฐแมสซาชูเซตส์ เธอบอกกับ Associated Press ว่าแพทย์ LGBTQ ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนนักศึกษาคนอื่น ๆ ในวงการแพทย์ และคิดว่าผู้ป่วย LGBTQ ก็ควรได้รับการดูแลที่มีคุณภาพเหมือนกันกับผู้ป่วยคนอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

กลุ่มผู้สนับสนุนกล่าวว่า การที่มีนักเรียน LGBTQ ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนแพทย์และการฝึกอบรมเรื่องปัญหาสุขภาพของ LGBTQ สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้

อย่างไรก็ตาม จำนวนของนักศึกษาแพทย์ และแพทย์ LGBTQ เหล่านี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ในปีพ. ศ. 2561 AMA ได้เพิ่มการระบุอัตลักษณ์ทางเพศ และเพศในข้อมูลที่คนในวงการแพทย์สามารถเลือกที่จะระบุในโปรไฟล์ของตน จากแพทย์และนักศึกษาจำนวน 15,000 คนที่ให้ข้อมูลดังกล่าว มีผู้ที่ระบุว่าเป็นชาว LGBTQ อยู่ราว 4%

สมาคมวิทยาลัยการแพทย์อเมริกันรายงานว่า แม้ว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จะเสนอหลักสูตร LGBTQ แต่ครึ่งหนึ่งรายงานว่ามีชั้นเรียน กลุ่มอภิปราย หรือกิจกรรมการเรียนรู้อื่นๆ เพียงไม่กี่ชั้นเรียนเท่านั้น

และการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ. 2562 พบว่ามีปัญหาการขาดความรู้อย่างจริงจังเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของ LGBTQ

Carl Streed นายแพทย์และรองศาสตราจารย์ที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยบอสตัน ซึ่งเป็นหัวหน้าในการเขียนรายงานการศึกษาฉบับนี้กล่าวว่าประสบการณ์ที่เลวร้ายในการพบแพทย์เมื่อ 15 ปีก่อนตอนที่เขาป่วยทำให้เขาต้องการที่จะเข้ามาทำงานในวงการแพทย์

เขาเล่าว่าเมื่อตอนที่ยังเป็นนักเรียน พอเขาบอกกับหมอว่าเป็นเกย์ คุณหมอก็เริ่มแสดงอาการไม่เป็นมิตรอย่างมากและแนะนำให้เขาตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วย หลังจากนั้นเขาไม่เคยกลับไปพบหมอคนนี้อีกเลย

Streed กล่าวว่า ความเชื่อส่วนตัวของแพทย์ไม่ควรส่งผลต่อคุณภาพในการดูแล รวมทั้งความเมตตาที่แพทย์พึงมีต่อผู้ป่วยด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook