7 วิธีดับร้อนแบบง่าย ๆ ไม่เปลืองค่าไฟ
สภาพอากาศกลางเดือนเมษายน บอกได้เลยว่า ร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุดดด ร้อนจริงจังจนทำเอาหลายคนหงุดหงิดไม่น้อย ยิ่งช่วง WFH งานก็ต้องทำ ไปไหนก็ไม่ได้ เปิดคอมทั้งวันก็เปลืองไฟพออยู่แล้ว ถ้าเปิดแอร์ทั้งวันอีก ค่าไฟต้องพุ่งกระฉูดเกินคำบรรยายแน่นอน
แต่ถึงอากาศจะร้อนจริงจังขนาดนี้ ก็ยังพอมีวิธีดับร้อนแบบเซฟค่าไฟอยู่เหมือนกัน ซึ่ง Tonkit360 รวบรวมมาให้แล้วถึง 7 วิธี
1. อาบน้ำปะแป้งเย็น
วิธีธรรมดาที่สุดที่คลายร้อนได้อย่างได้ผลก็คือ อาบน้ำไปเลย การอาบน้ำเย็นนอกจากจะสบายตัวแล้ว ยังรู้สึกสดชื่นขึ้นอีกเป็นกอง แถมการอาบน้ำก็ช่วยชะล้างเหงื่อไคลตามตัวไม่ให้เกิดการหมักหมมจนเกิดเป็นพวกผดผื่น อาการคันตามตัว หรือโรคผิวหนังอีกต่างหาก อาบน้ำเสร็จ เช็ดตัวแค่พอหมาด ๆ ก็ปะแป้งเย็นทับลงไปซะเลย เมื่อแป้งได้สัมผัสกับผิวหนังที่ยังชื้นอยู่หน่อย ๆ ซาบซ่าอย่าบอกใคร
2. ดื่มเครื่องดื่มคลายร้อน
น้ำเปล่าที่แช่เย็นนี่แหละง่ายที่สุด และควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการช็อคจากภาวะขาดน้ำ และทดแทนน้ำที่ร่างกายขับออกมาเป็นเหงื่อด้วย ถ้าอยากพอได้รสชาติหน่อยก็ลองพวกน้ำสมุนไพรดูก็ได้ มีพืชสมุนไพรหลายอย่างที่มีฤทธิ์เย็น เช่น น้ำมะตูม น้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบ น้ำเก๊กฮวย แถมสมุนไพรบางอย่างยังมีสรรพคุณทางยาอื่น ๆ อีก หวานนิด ๆ เย็นหน่อย ๆ เป็นภูมิปัญญาแก้ร้อนในกระหายน้ำที่มีมาแต่โบราณ
3. แต่งกายให้สบายตัว
เวลาอยู่บ้าน ไม่มีใครมานั่งมองเราหรอกกว่าแต่งตัวอย่างไร ควรเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา และไม่มีแขนขายาวรุงรัง ซึ่งช่วยลดความเหนอะหนะไม่สบายตัวลงได้ จะสายเดี่ยว แขนกุด ขาสั้น ก็ไม่มีใครว่า นอกจากนี้ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เป็นสีโทนอ่อน เพราะจะดูดซับความร้อนได้น้อยกว่าเสื้อผ้าสีเข้ม เนื้อผ้าก็ควรเลือกเป็นผ้าฝ้าย ช่วยระบายความร้อนได้ดี หรือผ้าแพร ผ้าซาติน ที่เป็นผ้าลื่น ๆ เนื้อผ้าจะทิ้งตัวไปตามร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายตัว
4. ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว
หากยังไม่สะดวกจะอาบน้ำ ก็ลองใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นแล้วเช็ดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะตามใบหน้าและข้อพับต่าง ๆ จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ซึ่งใช้หลักการเดียวกันกับการเช็ดตัวเวลาเป็นไข้นั่นเอง ถ้าอยากจะเพิ่มดีกรีความสะใจ ก็เอาผ้าชุบน้ำไปแช่ช่องฟรีซตู้เย็นซัก 10-15 นาที หรือจะนั่งประคบน้ำแข็งไปเลยก็ไม่ผิดกติกา
5. กินของหวานเย็น ๆ ดับร้อน
ขนมหวานแบบไทย ๆ หลายอย่างก็ช่วยดับร้อนได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะขนมหวานที่ใส่น้ำเชื่อม พวกผลไม้ลอยแก้วทั้งหลาย เติมน้ำแข็งลงไปซักหน่อย ถ้าไม่ชอบผลไม้ก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งไสใส่น้ำแดง ของหวานคู่บ้านคู่เมืองอีกอย่างที่หวานชื่นใจเป็นที่สุด ใส่เครื่องได้ตามใจชอบ หรือจะเป็นไอศกรีมก็ดี พวกของหวานเหล่านี้นอกจากจะคลายร้อนแล้วยังเพิ่มน้ำตาลในเลือด ทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้น
6. ออกไปพึ่งธรรมชาติ
การออกไปหาร่มไม้นั่งพักผ่อนก็ช่วยคลายร้อนได้ แม้ว่าความเย็นจากลมธรรมชาติจะไม่เย็นยะเยือกเท่าความเย็นจากแอร์ แต่สดชื่นกว่าเป็นไหน ๆ เพราะที่โล่งกว้างนั้นอากาศถ่ายเทได้มากกว่าห้องผนังปูนสี่เหลี่ยม ประหยัดไฟที่บ้านได้ดีด้วย แต่ช่วงนี้มีทั้งฝุ่นควันและทั้งไวรัส จะออกไปข้างนอกก็ต้องระวังตัวกันหน่อย นั่งพักแค่พอหายร้อนก็พอ อย่านั่งนาน อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัย และกลับมาก็ล้างมือให้สะอาดด้วย จะได้ปลอดภัยไว้ก่อน
7. เปิดแอร์ไปเลย
ช่วงนี้จะออกไปข้างนอกก็ไม่ง่าย แอร์ห้างก็ไม่มี ถ้าร้อนมากเหมือนไฟธาตุแตก ก็เปิดแอร์เถอะ อย่าทรมานตัวเองขนาดนั้น เพราะมีวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟอยู่ ตั้งแต่การเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟ เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-26 องศาเซลเซียส และหมั่นตรวจเช็กสภาพแอร์อย่าให้ไส้กรองสกปรก เพราะแอร์จะทำงานหนักและกินไฟมากกว่าเดิม หรือจะใช้วิธีเปิดพัดลมไปด้วยก็ได้ เมื่อห้องเย็นถึงจุดที่พอใจแล้วก็ค่อยปิดแอร์ ห้องที่ปิดสนิทดี ความเย็นจะยังอยู่กับเราอีกพักใหญ่เลยทีเดียว