หนีได้หนี หนีไม่ได้ให้รับมือ กับ "เพื่อนร่วมงานยอดแย่" 9 ประเภท
จากที่ Tonkit360 เคยนำเสนอเรื่อง การเมืองในออฟฟิศ ไปแล้วนั้น จะเห็นว่า การเมืองแทรกซึมอยู่ได้ในทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่ที่ทำงาน บางคนอาจจะเคยประสบด้วยตัวเองด้วยซ้ำ เห็นได้จากพนักงานที่แตกแยกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย มีเรื่องดราม่าได้ทุกวัน บรรยากาศเหมือนอยู่ในสนามรบ ที่เรียกว่า “สงครามประสาท” และอันที่จริงอาจจะมีเขม่นกันเองในกลุ่มด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการทำงานของเราก็จะไม่มีความสุขอีกเลย
ซึ่งสังคมการทำงานแบบนี้ ทำให้เกิด “เพื่อนร่วมงานยอดแย่” ขึ้นมา ซึ่งถ้าจะอยู่ให้เป็น รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกานี้ได้ ก็ต้องรับมือคนเหล่านี้ให้ได้ ด้วยวิธีที่ Tonkit360 นำมาฝาก
1. หวงได้ทุกเรื่อง กั๊กได้ทุกอย่าง
แทบทุกคนน่าจะเคยเจอกับเพื่อนร่วมงานประเภท “กั๊ก-หวง” มาบ้าง ไม่บอก ไม่สอน ไม่แนะนำ ปล่อยให้เราทำเอง แต่พองานออกมาไม่ดี ก็พร้อมจะเหยียบซ้ำ มาพร้อมคำพูดกระแนะกระแหนประมาณว่า “ไม่เห็นจะยากเลย ทำไมทำไม่ได้” ไม่ก็ “ทำไม่ได้ทำไมไม่ถามล่ะ” แต่เชื่อเถอะ ถึงถามนางก็บอกไม่หมดอยู่ดี ซึ่งจุดเริ่มต้นของความกั๊กนี้ มาจากการที่การที่พวกนางกลัวว่า ถ้าเราทำได้ทุกอย่าง แล้วออกมาดี (กว่านาง) นางก็จะตกกระป๋องนั่นเอง
ถ้าเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยงการถามงานจากพวกนาง แล้วเปลี่ยนไปถามผู้บังคับบัญชา หรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าแทน เพราะถ้าเขาอยากให้เราทำงานได้เร็ว ๆ ไม่ต้องมานั่งจ้ำจี้จ้ำไช พวกเขาก็จะสอนเราทุกอย่างเอง รวมถึงให้ทำตัวเป็นคนช่างสังเกตบ้าง ด้วยวิธีแบบครูพักลักจำก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไร
2. ชัยชนะต้องเป็นของฉัน!
การทำงานคือการแข่งขัน และการประเมินผลงานนั้นก็มีความสำคัญต่อชะตาชีวิตของทุกคน ฉะนั้น การจะบรรลุเป้าหมาย จะผู้ชนะให้ได้ก็ต้องดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด แต่บางคนก็สนแต่ชัยชนะอย่างเดียว หาแคร์ไม่กับการเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป หรือต้องยืนอยู่ในแอ่งน้ำตาของเพื่อนร่วมงาน เพราะในท้ายที่สุด สิ่งที่พวกนางต้องการไม่ใช่มิตรภาพ แต่คือตำแหน่งงานและความสำเร็จ
ระวังเพื่อนร่วมงานประเภทนี้เป็นพิเศษ เพราะจริง ๆ แล้วนางอาจจะเข้ามาตีสนิทเพื่อล้วงข้อมูล หรือเพื่อหาข้อด้อยของเราเพื่อเอาไปพัฒนางานตัวเอง ถ้าเลี่ยงการสนิทชิดเชื้อได้จะเป็นการดีที่สุด และพยายามอย่ากระโตกกระตากไอเดียอะไรมากมาย เพราะนางอาจจะเอามาทำร้ายเราในวันข้างหน้าก็ได้
3. จอมแย่งซีน เห็นใครดีกว่าไม่ได้
คนประเภทนี้น่ากลัวพอ ๆ กับพวกหวังชัยชนะ แต่จะดูร้ายเยอะกว่ามาก เพราะคนประเภทนี้จะแอบอ้างเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเองแบบดื้อ ๆ โดยที่สามารถทำต่อหน้าเจ้าของผลงานได้แบบไม่มีความอายอะไรเลย ฉันต้องเด่น ฉันต้องได้หน้า พูดง่าย ๆ ก็คือ “ฉันต้องมีซีน” ซึ่งคนพวกนี้จะต่างจากพวกหวังชัยชนะ เพราะแทบจะไม่ลงมือทำอะไรเป็นของตัวเองเลย รอฉกอย่างเดียว
เนื่องจากคนประเภทนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีซีนแบบไม่อายฟ้าอายดิน สิ่งที่เราต้องทำก็คือ พยายาม “หาพยาน” ไว้กันพลาดเสมอ อะไรที่เป็นงานใหญ่ ก็เสนอความคิดต่อหน้าธารกำนัลไปเลย แต่ถ้ายังเป็นไอเดีย อาจจะหาวิธีโน้ตแบบที่มีหลักฐานเป็นวันและเวลาไว้ หมั่นอัปเดตงานกับหัวหน้าอยู่บ่อย ๆ และที่สำคัญ อย่าไว้ใจปรึกษางานสำคัญอะไรกับใคร เพราะอาจโดนหักหลังตอนจบได้
4. เห็นนิ่ง ๆ แต่ซุ่มอยู่นะคะ
เพื่อนร่วมงานประเภทนี้ คือผู้ที่เป็นวงในของบริษัท รู้ทุกอย่าง รู้ทุกความเป็นไป มีข้อมูลเชิงลึกมาคอยแนะนำให้คำปรึกษาเพื่อนร่วมงานทุกคนเสมอ ใจดี มีเมตตา วางตัวดี และเก็บความลับเก่งที่หนึ่ง แต่บางที บางเรื่อง เราอาจจะพบว่านางคือเงา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องสำคัญของบริษัทก็เป็นได้
การจะทำงานกับคนประเภทนี้ไม่ยาก แค่พยายามอยู่เงียบ ๆ อย่าทำตัวให้เป็นที่สนใจของนาง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกนางมีข้อมูลแน่น ก็อาจจะต้องพยายามตีสนิทพวกนางไว้บ้าง แต่อย่าออกตัวแรง ค่อนไปทางเป็นกลางจะดีที่สุด และระวัง! คนที่เสียบหูฟังแต่อาจจะไม่ได้เปิดเพลง เพราะนางกำลังเก็บข้อมูลอยู่
5. มนุษย์จอมเผือก พาตัวเองเข้าไปรู้ทุกเรื่อง
มนุษย์จอมเผือกนี้น่ากลัวน้อยกว่าสายแอบซุ่ม เพราะนางจะเข้ามาแสดงความอยากรู้ อยากเห็น อยากมีส่วนร่วมแบบประเจิดประเจ้อ ไม่แอบซุ่มแอบเก็บข้อมูลอะไรทั้งนั้น บางคนร้ายถึงขั้นเดินเข้ามาถามโต้ง ๆ เลยก็มี ซึ่งก็คงทำให้เราตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะคาดไม่ถึงว่าจะกล้าขนาดนี้
การรับมือกับคนประเภทนี้ความจริงแล้วไม่ยากเท่าไร ถ้าแบบถนอมน้ำใจก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยงที่จะตอบไป แต่ถ้าเป็นสายโหด จะเล่นแบบฮาร์ดคอร์ก็จัดหนักจัดเต็มไปเลย แม้ว่าอาจจะมองหน้ากันไม่ติด และทำให้บรรยากาศในออฟฟิศอึดอัดไปบ้าง แต่ก็ช่วยตัดความรำคาญเราไปได้เยอะเลยทีเดียว
6. สนทนาฮาเฮกันแต่เรื่องชาวบ้าน
มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยกับคนประเภทฉันรู้ โลกก็ต้องรู้ เรื่องของชาวบ้านขอให้บอก พวกนางพร้อมจะแชร์ข้อมูลทุกเรื่องเสมอ ซึ่งคนประเภทนี้ก็หาตัวไม่อยาก พบได้ตามห้องน้ำ โต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงานชาวบ้าน และกลุ่มแชตนับสิบกลุ่ม ที่มีสมาชิกเป็นคนในบริษัทนั่นแหละ เรื่องคนอื่นบางเรื่องก็เป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อสร้างกระแส แต่บางเรื่องก็เล่าแบบเกินจริงใส่ไข่เป็นสิบฟอง แล้วปิดท้ายด้วยคำว่า “ถ้าเล่าให้ฟังก็เหยียบเอาไว้นะ อย่าเอาไปพูดต่อ”
ถ้าไม่อยากกลายเป็นหัวข้อในวงสนทนาครั้งต่อไป ก็อย่าพาตัวเองเข้าไปยุ่งกับคนประเภทนี้ อันที่จริง ต่อให้ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยคุย แต่ถ้านางสนใจชีวิตเรา นางก็เอาไปนินทาอยู่ดี ฉะนั้น พูดคุยแต่เรื่องงานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่พูดเรื่องส่วนตัวเพื่อเปิดช่องให้นาง ทางที่ดีไม่ต้องไปร่วมวงด้วยเลยดีที่สุด
7. ทำดีหวังผล ประจบประแจงตัวแม่
เพื่อนร่วมงานประเภทนี้ทำดีเพื่อหวังผลเสมอ สิ่งที่พวกนางต้องการไม่ใช่อะไรอื่นไกล คือการยอมรับจากเจ้านาย และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถึงขั้นยอมทำตัวเป็นคนที่เบื้องหน้าแสนดี ยอมทำได้ทุกอย่าง อาจเป็นยาพิษที่เคลือบเอาไว้ก็ได้ อีกทั้งคนประเภทนี้ก็กลายร่างเป็นนางมารร้ายได้เมื่ออยู่ลับหลังคนอื่น
เพื่อนร่วมงานประเภทนี้สร้างความน่ารำคาญและความหมั่นไส้ได้แบบเกินเบอร์ จนหลายครั้งอาจทำให้เราถึงขั้นเบะปากมองแรงเหลือกตาใส่ แต่พวกนางก็โนสนโนแคร์ ฉะนั้น หากเจอกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปให้ความสำคัญอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำแค่งานตัวเองให้ดีที่สุด แล้วใช้ผลงานเรานี่แหละตีแสกหน้านางไปเลย
8. เอาเปรียบชาวบ้านได้เสมอ
ต้องยกรางวัลมนุษย์จอมกินแรงให้ไปเลย คนประเภทนี้ดูไม่ยาก จะเป็นคนประเภทขี้เกียจ ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เหมือนทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ แล้วเอ่ยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ เกินความจำเป็นโดยที่ไม่มีความเกรงใจอะไรเลย เข้างานสายกลับบ้านก่อน หรือไม่ก็เข้างานเป๊ะกลับบ้านก่อน ที่หนักสุดคือการโดดงานที่ต้องทำร่วมกับทีม แล้วปล่อยให้คนอื่นทำ แต่ถึงเวลาได้ผลงาน ตัวเองก็ได้ด้วย
ถ้าเจอคนประเภทนี้ต้องพูดปฏิเสธให้เป็น อย่ายอมช่วยเหลือหากพวกนางไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเองเลย อย่ายอมให้พวกนางมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ถ้าจะช่วย ก็ช่วยแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พอ แต่ถ้างานใหญ่ก็เซย์โนซะ เพราะยิ่งถ้าช่วยไปนาน ๆ นางก็จะเคยตัว จนไม่มีความเกรงใจ และงานสิ่งนั้นอาจจะกลายเป็นหน้าที่เราไปเลยก็ได้
9. อีโก้สูง จักรวาลหมุนรอบตัวฉัน
เพื่อนร่วมงานยอดแย่ประเภทสุดท้ายที่ชวนปวดหัวเสมอ คือคนอีโก้สูง ทั้งการสำคัญตัวเองว่าฉันสำคัญมาก ฉันเก่งที่สุด หรือแม้แต่ไม่เคยยอมรับผิดใด ๆ เพราะกลัวเสียหน้า อีโก้ที่สูงทะลุฟ้านี้ทำให้ความคิดของพวกนางต้องถูกเสมอ จึงไม่เคยเปิดใจฟังคำอะไรของใครเลย ดังนั้น ถ้าเราเสนออะไรไป ให้เตรียมใจโดนเมินไว้ก่อน เพราะนางไม่สนใจคนอื่นอยู่แล้ว
การจะต่อกรกับคนประเภทนี้ต้องใช้สมองมากกว่ากำลัง ข้อมูลต้องแน่น ตรรกะต้องมี เหตุผลชัดเจน เพื่อเอามาใช้โต้วาทีในกรณีที่มีปัญหากัน รวมถึงฉลาดเรื่องการใช้วาทศิลป์เพื่อโน้มน้าวใจพวกนางและเจ้านาย อย่าเปิดช่องว่างให้พวกนางโจมตี (แต่ก็ไม่ใช่ไปโจมตีเขา) มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง