7 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กและเยาวชน “ติดการพนัน”

7 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กและเยาวชน “ติดการพนัน”

7 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กและเยาวชน “ติดการพนัน”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี แต่เพราะอยากจะลอง อยากจะเสี่ยง และอยากรวยเร็ว นำพาหลายคนเข้าสู่วงจรของ “การพนัน” และส่วนใหญ่ก็หลงเข้าไปอยู่ในวังวนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย ซึ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้น ก็คืออายุของผู้ที่หันหน้าเข้าสู่วงการพนันนั้นน้อยลงทุกที มีนักพนันหน้าใหม่เป็นเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรรู้ว่ามีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ ที่สามารถทำให้ผีพนันเข้าสิงบุตรหลานของท่านได้ จะได้ช่วยกันระวังไว้

1. คนใกล้ตัวชักชวน

คนใกล้ตัวที่น่ากลัวที่สุด คือ คนในครอบครัว งานวิจัยชิ้นหนึ่งจากจีนระบุว่าผู้ปกครองไม่ถึง 30.2 เปอร์เซ็นต์ ที่คิดว่าการเล่นพนันในบ้านจะทำให้เด็กติดการพนันได้ เพราะคิดว่าเป็นเพียงกิจกรรมที่ทำกันในครอบครัว และยังพบอีกว่าเด็กเล็กถูกชักชวนจากผู้ปกครองให้เล่นการพนันมากถึง 40.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ในบ้าน แต่กลับมีผลให้เด็กมีทัศนคติทางบวกต่อการพนัน จนติดไปถึงอนาคต

2. การละเล่นในวัยเด็ก

เด็กหลายคนคงคุ้นเคยกับการละเล่นที่สอนกันมารุ่นต่อรุ่น เช่น ไฮโล โปปั่น กำถั่ว น้ำเต้าปูปลา กัดปลา ไก่ชน เป็นต้น การละเล่นเหล่านี้ล้วนเป็นการพนันทั้งสิ้น แรกเริ่มเด็กอาจเห็นผู้ใหญ่เล่นแล้วดูสนุก จึงลองเล่นบ้างเพื่อฆ่าเวลาในช่วงที่ไม่มีอะไรทำ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีการจูงใจให้เล่นโดยวางเดิมพันเป็นเงิน ผู้ที่ชนะก็จะได้เงินไป ทำให้เด็กอยากได้เงินส่วนนี้ไปซื้อขนมบ้างของเล่นบ้าง จึงชักชวนกันมาเล่น หวังผลตอบแทนสูงขึ้น และเสพติดโดยปริยาย

3. สังคมในสถานศึกษา

ในช่วงวัยเรียนของเด็ก ๆ เด็กจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนมากกว่าที่บ้าน ดังนั้น สังคมในโรงเรียนจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนติดกันพนันได้ โดยมาจากการชักชวนของเพื่อน เช่น ชวนกันเล่นช่วงพักกลางวัน ชวนกันไปเล่นที่บ้านหลังจากทำงานกลุ่มเสร็จ ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็อาจจะชักชวนกันไปตามสถานที่อโคจร เมื่อเล่นแล้วได้ผลตอบแทนเด็กก็เริ่มติดการพนัน ยิ่งถ้าหากเด็กไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจด้วยแล้วก็มีโอกาสจะติดการพนันงอมแงมสูงมาก

4. การเสพสื่ออินเทอร์เน็ต

เด็กรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สุดจะทันสมัย โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตที่เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเด็กรุ่นเก่ามาก พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกก็จะทิ้งลูกไว้กับสมาร์ทโฟน หรือสมาร์ททีวีที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เด็กที่พอจะอ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้ ก็หาข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตได้เอง จนอาจหลุดเข้าไปในเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งพ่อแม่ก็อาจจะไม่รู้ว่าลูกใช้อุปกรณ์เหล่านี้ทำอะไรบ้างด้วย

5. อยากรู้ อยากลอง

สืบเนื่องมาจากการเห็นตัวอย่างจากคนรอบข้างและสภาพแวดล้อมที่เด็กอาศัยอยู่ นำไปสู่ความอยากรู้อยากลอง ซึ่งถ้าหากเด็กไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนในเรื่องของการพนัน และตัวเองก็คิดเองไม่ได้ เด็กก็จะอยากรู้อยากลองเล่น นำไปสู่การลองเล่นพนันด้วยตนเอง โดยอาจจะคิดว่าแค่ลองครั้งเดียวคงไม่เป็นไร แต่เมื่อได้ลองเล่นจนเป็น เล่นแล้วได้ผลตอบแทนสูง ครั้งต่อ ๆ ไปก็จะติดจนยากที่จะเลิกแล้ว

6. โอกาสที่เอื้อต่อการติดการพนัน

โอกาสที่มาให้ร่วมสนุกแบบเป็นครั้งคราว ก็นำไปสู่การเสพติดการเล่นการพนันได้เช่นกัน โดยเฉพาะการพนันจากการแข่งกีฬา เห็นได้ชัดเจนกับกีฬาฟุตบอล อย่างช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก พนันบอลออนไลน์แพร่ระบาดมากในกลุ่มคนเชียร์บอล เชียร์อย่างเดียวไม่ได้อะไร แต่พนันด้วยยังมีโอกาสได้ผลตอบแทน เมื่อทำครั้งแรกแล้วได้เงิน ก็เล่นต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ติดการพนันงอมแงม

7. การปลูกฝังให้เชื่อในเรื่องโชคชะตา

เป็นชุดความคิดที่ปลูกฝังกันมา ให้คนเชื่อในโชคชะตาเชื่อในการเสี่ยงโชคมากกว่าสอนให้เชื่อความสามารถของตัวเองในการหาเงิน ทำให้คนหวังรวยทางลัด โดยเฉพาะ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ที่อาจลืมไปว่าก็เป็นการพนันอย่างหนึ่งเหมือนกัน เพียงแค่เจ้ามือเป็นรัฐบาลและถูกกฎหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รางวัลแบบถูกกฎหมายนั้นมีไม่มาก โอกาสถูกน้อย จึงนำไปสู่การเล่นหวยใต้ดินที่มีหลายรางวัลกว่า มีโอกาสที่ถูกรางวัลมากกว่าหวยถูกกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook