7 หนทางในการจ่ายหนี้ แม้ว่ากระเป๋าเงินจะตึงตัวก็ตาม

7 หนทางในการจ่ายหนี้ แม้ว่ากระเป๋าเงินจะตึงตัวก็ตาม

7 หนทางในการจ่ายหนี้ แม้ว่ากระเป๋าเงินจะตึงตัวก็ตาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การจัดการกับหนี้สินนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ต้องแบกรับภาระหนี้ แต่สำหรับคนที่มีเงินจ่ายหนี้ไม่พอนั้นยิ่งยากกว่า แต่ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะกระเป๋าเงินตึงตัวขนาดไหน ก็อย่าเพิ่งเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะ ยังมีหนทางในการเคลียร์หนี้สินของคุณได้ เพียงแต่คุณต้องกลับมามีวินัยทางการเงินประกอบกันไปด้วยจะทำให้การจ่ายหนี้สินของคุณนั้นเป็นไปตามแผนที่วางไว้

1. ตั้งงบประมาณในการใช้จ่ายแต่ละเดือน

เมื่อคุณมีรายรับที่ไม่สมดุลกับหนี้ที่มีอยู่ การตั้งงบประมาณในการใช้จ่ายทั้งเดือนนั้นสำคัญมาก เพราะคุณจะได้รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไรเพื่อดำรงชีวิตอยู่ และมีเงินเท่าไรในการเอาไปชำระหนี้ ทั้งหมดนี้ขอให้จดลงสมุดรายรับรายจ่าย อย่าได้คิดเอาไว้ในหัว แล้วคำนวณคร่าว ๆ เพราะคุณจะไม่เห็นตัวเลขที่จะถูกใช้จริง และคุณจะไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ในการชำระหนี้

2. แยกแยะให้ออกระหว่างคำว่า ใช้จ่ายเกินตัว กับคุณกำลังถังแตก

ถ้าคุณใช้คำว่า “ถังแตก” หลังจากที่คุณทุ่มเงินทั้งหมดที่คุณมีเพื่อซื้อสิ่งของที่ไม่ได้จำเป็น ถ้าคุณใช้คำนี้แสดงว่าคุณไม่ได้ถังแตกจริง แต่คุณกำลังใช้เงินเกินตัว ดังนั้นขอให้กลับไปที่ข้อหนึ่ง คือ ตั้งงบประมาณรายรับรายจ่ายของคุณ และลองดูว่าพอจะมีเงินบางส่วนแบ่งมาสำหรับการซื้อของเหล่านี้หรือไม่ แต่ถ้าคุณกำลังถังแตกจริง ๆ การใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นคือเรื่องแรกที่คุณต้องรีบตัดออกทันที

3. แผนชำระหนี้ควรเริ่มต้นไปพร้อมกับแผนการเงิน

เมื่อคุณเริ่มวางแผนการเงิน ตั้งงบประมาณรายจ่ายในแต่ละเดือนแล้ว แผนชำระหนี้ของคุณก็ควรเริ่มพร้อมกัน ซึ่งการชำระหนี้นั้นไม่ได้หมายถึงการชำระเต็มจำนวนเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงชำระเท่าที่จะทำได้ โดยเลือกชำระหนี้ที่มียอดดอกเบี้ยสูงสุดก่อน อาทิ คุณมีหนี้บัตรเครดิตอยู่สามใบ ขอให้เลือกชำระบัตรที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่วนบัตรที่มีดอกเบี้ยต่ำ ก็ให้ชำระขั้นต่ำไปก่อน เมื่อบัตรใบแรกหมดไปก็ค่อยมาจัดการกับสองใบที่เหลือตามวิธีเดิม เท่านี้ก็จะเป็นการชำระหนี้ให้เป็นระบบและทำให้คุณปลดตัวเองจากหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. อย่าสร้างหนี้เพิ่ม

คุณไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินได้ ถ้ายังคงสร้างหนี้เพิ่มไปเรื่อย ๆ สิ่งแรกคือหยุดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ไม่ต้องสมัครสินเชื่อใด ๆ เพิ่ม เพราะการสมัครสินเชื่อเพิ่มเท่ากับเพิ่มภาระหนี้ให้คุณอีกหนึ่งยอด แม้ว่าการใช้ชีวิตที่ไม่มีบัตรเครดิตจะเป็นเรื่องยากในปัจจุบัน แต่คุณต้องทำให้ได้หากหยุดวงจรหนี้สิน และเหนืออื่นใดพยายามหางานเสริมจากงานประจำเพื่อให้มีเงินมาชำระหนี้เพิ่ม หรือเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเดือนของคุณเอง

5. ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ถ้าคุณสามารถวางแผนการเงิน หรือวางงบประมาณการใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้สำเร็จ คุณจะเห็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และคุณสามารถเลือกตัดได้เลยว่าคุณจะลดค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ ค่ากาแฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าสมาชิกเคเบิลทีวี หรือ สมาชิกสตรีมมิงทีวี รวมไปถึงค่าสมาชิกฟิตเนสที่คุณไม่ค่อยได้ไปใช้บริการ แม้ว่ายอดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต่อเดือนจะไม่มาก แต่เมื่อรวมกันทุกยอดแล้ว จะกลายเป็นเงินก้อนที่คุณสามารถเอาไปชำระหนี้สินที่คุณมีได้ หรือเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นในเรื่องอื่นของชีวิตคุณได้เช่นกัน

เมื่อคุณหารายได้เพิ่มให้กับตนเองได้ จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายในการปลดภาระหนี้สินสองข้อ ข้อแรก คุณไม่ต้องกังวลใจว่าคุณจะมีเงินชำระหนี้บัตรเครดิตของคุณเมื่อถึงรอบชำระเงินหรือไม่ ข้อที่สองคุณจะมีเงินมากขึ้นในการชำระหนี้คงค้างประเภทอื่นของคุณ การหารายได้ให้กับตนเองคือการหางานพิเศษ นอกเหนือจากงานประจำ หรือขายของที่คุณมีอยู่ในสื่อออนไลน์ หาเงินจากงานอดิเรกที่คุณทำอยู่ หรือทำงานในร้านสะดวกซื้อ ขับรถส่งอาหาร หรือขับรถรับจ้าง เหล่านี้จะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น

7. เข้าเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอลดดอกเบี้ย หรือผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง

เมื่อเป็นหนี้และมีเงินไม่พอชำระหนี้อย่าได้หนีหรือปล่อยให้เป็นหนี้เสียถ้าไม่จำเป็น ขอให้คุณเข้าเจรจากับเจ้าหนี้ เพราะบางครั้งดอกเบี้ยที่สูงเกินไปก็ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ให้หมดไปโดยไวนั้นเป็นไปได้ยาก แน่นอนว่าสถาบันการเงินไม่อยากได้หนี้เสียเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว การเข้าเจรจาจะทำให้ได้คุณมีทางเลือกมากขึ้น และทำให้เครดิตในฐานะลูกหนี้ของคุณไม่เสียหายมากไปกว่าที่เป็นอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook