Breaker : แบรนด์คิดนอกกรอบ จากรองเท้านักเรียนสู่สนีกเกอร์ที่ขายหมดใน 30 วินาที
รองเท้าสนีกเกอร์ขายหมดใน 30 วินาที … ไม่ใช่เรื่องแปลก หากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กับแบรนด์รองเท้าต่างประเทศ ออกวางจำหน่ายรองเท้ารุ่นใหม่ และเป็นที่ต้องการของผู้คน
แต่หากมีแบรนด์รองเท้าไทย สามารถผลิตสนีกเกอร์ ที่วางขายหมดในระยะเวลา 30 วินาที และคงเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากขึ้นไปอีก หากแบรนด์ที่เรากำลังกล่าวถึง คือ Breaker แบรนด์รองเท้านักเรียนชื่อดัง
Breaker ถูกจดจำ ในฐานะรองเท้านักเรียนมาตลอด แต่ปัจจุบัน ยี่ห้อรองเท้าขวัญใจเด็กนักเรียน กำลังหาความท้าทายใหม่ ที่จะฉีกกฎของตัวเอง ด้วยการก้าวสู่ตลาดสนีกเกอร์อย่างเต็มตัว
Main Stand จะพาไปพูดคุยกับ วิษณุ วงศ์วีระนนท์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.ซี.เอส. สปอร์ตสแวร์ จำกัด ผู้ผลิตรองเท้า Breaker ถึงความกล้าที่จะออกจากกรอบเดิม
กล้าจะแตกต่าง
สำหรับผู้ชาย รองเท้านักเรียนเป็นเหมือนไอเท็มคู่ใจ ในช่วงที่เป็นวัยรุ่น ที่ต้องใส่ในการทำกิจกรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรียน, เล่นกีฬา, เข้าค่าย ล้วนต้องเลือกรองเท้า ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด
หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม จากเด็กวัยรุ่นชาย คือ Breaker ที่วางจำหน่ายมายาวนานหลายสิบปี และติดตลาด มียอดขายระดับแถวหน้า ได้รับการอุดหนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
แม้จะประสบความสำเร็จ ในตลาดรองเท้านักเรียน แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป รองเท้านักเรียน ไม่ได้มีบทบาท ในชีวิตของวัยรุ่นชาย เท่ากับในอดีต
เพราะ สนีกเกอร์ คือไอเท็มที่กลุ่มวัยรุ่น หันไปให้ความสำคัญ และเลือกใช้รองเท้าประเภทนี้ ยามไม่ต้องเดินทางไปเล่าเรียนวิชา ในสถานศึกษา
“ผมมองว่านักเรียนคงจะเบื่อ ถ้าพวกเขาจะต้องใส่รองเท้านักเรียน เพียงอย่างเดียวตลอดเวลา บริษัทของเราเช่นกัน ถ้าให้ผลิตแค่รองเท้านักเรียน คงน่าเบื่อไม่น้อย”
“ในมุมมองของเรา Breaker ไม่ใช่แบรนด์ที่ผลิตแค่รองเท้านักเรียน แต่เราเห็นเป็นแบรนด์ของวัยรุ่นผู้ชาย ซึ่งมีมุมเท่ ๆ กวน ๆ มีทั้งเรื่องเรียน เรื่องกีฬา และความมีสไตล์ แหกกฎนิดนึง” วิษณุกล่าว
Breaker มีรองเท้านักเรียน และรองเท้าฟุตซอล ออกวางจำหน่าย เพื่อเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้ตรงกับกลุ่มวัยรุ่นชาย ที่มีทั้งเรื่องเรียน และการเล่นกีฬา ใช้ชีวิตแบบลุย ๆ อันเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท
แต่รองเท้าที่มีสไตล์ และแตกต่าง คือ โจทย์ใหม่ที่ผู้ผลิตรองเท้าสัญชาติไทย ต้องหาวิธีมาตอบโจทย์ ซึ่งรองเท้าสนีกเกอร์ เป็นคำตอบที่ถูกต้องมากที่สุด
“ตลาดรองเท้าสนีกเกอร์ไทย เราเชื่อว่าสามารถเติบโตได้ และมีพื้นที่ให้เราสามารถเข้าไปมีจุดยืน สร้างกลุ่มลูกค้าของเรา”
“Breaker เริ่มต้นด้วยการทำรองเท้า รุ่น Breaker x Joey Boy และ Breaker J ซึ่งแบรนด์จับมือกับคุณโจอี้ บอย ที่เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ และร่วมงานกับเรา หลังจากนั้นเราวางจำหน่าย รองเท้ารุ่น Hornbill เป็นเหมือนรองเท้ารักษ์โลก เพราะตอนนั้นทางบริษัทมีกิจกรรมไปปลูกป่า”
“หลังจากนั้น เรามีความคิดที่จะผลิตรองเท้าสักตัว ที่พัฒนามาจากรองเท้านักเรียน มีความแตกต่างออกไป ไม่เหมือนที่นักเรียนใส่ไปโรงเรียน ให้รู้สึกแปลกใหม่ มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น นั่นคือ Breaker X”
Breaker X หรือที่ทางบริษัทเรียกว่า “ยูนิฟอร์ม สนีกเกอร์” คือการผสมไอเดียระหว่างรองเท้านักเรียน และสนีกเกอร์เข้าด้วยกัน ด้วยการคงรูปลักษณ์ของรองเท้านักเรียนเอาไว้ แต่เพิ่มยางบริเวณของรองเท้า ให้มีความหนามากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง
รวมถึงรูร้อยเชือก ถูกเปลี่ยนจากตาไก่ ในแบบของรองเท้านักเรียน ให้กลายเป็นรูปแบบใหม่ ที่นำไอเดียมาจากรองเท้าเดินป่า เพื่อเพิ่มความกระชับของรองเท้า ช่วยให้ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์มากขึ้น
“ยูนิฟอร์ม สนีกเกอร์ เราตั้งใจผลิตให้นักเรียนใส่ เน้นตลาดกลุ่มนี้เป็นหลัก อย่างที่เราบอก ถ้าใส่แต่รองเท้านักเรียน ก็ดูจะน่าเบื่อ แต่รองเท้าของเรา คนกลุ่มอื่นสามารถใส่ได้ ทั้งใส่ไปเที่ยว หรือไปทำงาน”
แหกกฎเกณฑ์สู่ไอเดียที่ไม่สิ้นสุด
การชิมลางผลิตรองเท้า แนวสนีกเกอร์ของ Breaker มีทิศทางที่สวยงาม รองเท้ารุ่น Breaker X สามารถจำหน่ายได้ในระดับหลักหมื่นคู่
หลังจากประสบความสำเร็จ กับรองเท้าแบบยูนิฟอร์ม สนีกเกอร์ … Breaker มีแผนที่จะทำรองเท้าสนีกเกอร์ ของตัวเองขึ้นมา โดยรอบนี้จะเป็นสนีกเกอร์ ที่ไม่มีความเป็นรองเท้านักเรียนอยู่เลย แต่ต้องเป็นรองเท้าที่สามารถเป็นคู่แข่ง กับสนีกเกอร์จากบริษัทชื่อดังของต่างประเทศ
“เรามีไอเดียเกี่ยวกับการผลิตรองเท้าเยอะมาก สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ เรามีการลองผิด ลองถูก ผลิตรองเท้าอยู่ตลอด”
เบื้องหน้าของแบรนด์ Breaker เป็นเพียงแบรนด์ขายรองเท้านักเรียน หรือ ฟุตซอล แต่เบื้องหลังของทีมงาน พวกเขามีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น เพราะมีไอเดียการผลิตรองเท้ามากมาย ที่พวกเขาอยากทำ แม้จะไม่เคยออกวางจำหน่ายก็ตาม
“ปกติเวลาทำงาน ภายในทีมจะมานั่งแชร์ไอเดียกัน แบบนี้ดีไหม เทรนด์รองเท้าตอนนี้เป็นแบบไหน คนกำลังนิยมใส่สีอะไร เราหันหน้าพูดคุยกัน แชร์กันตลอด”
“ถ้ามีไอเดียที่เข้าท่า เราจะโทรไปที่โรงงาน สั่งทำขึ้นมาเลย จะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร ... ถ้ามีไอเดียจะทำรองเท้าสักคู่ ต้องลองทำครับ ไม่ลอง ไม่รู้”
“ก่อนหน้านี้ เราได้มีโอกาสผลิตรองเท้าฟุตซอลของผู้หญิง เป็นการร่วมงานกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า ลาดกระบัง เพราะเขาทำทีสิส เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเขาศึกษาว่า ผู้หญิงใส่รองเท้าฟุตซอลของผู้ชาย จะมีโอกาสได้รับอาการบาดเจ็บมากกว่า เราจึงได้โอกาส ผลิตรองเท้าแนวใหม่ขึ้นมา”
ความคิดที่เก็บไว้มากมายของทีมงาน Breaker นำไปสู่การเกิดรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นแรก ที่ชื่อว่า Outlaw เพื่อสะท้อนการฉีกกฎเดิมของแบรนด์ ปราศจากเค้าโครงของรองเท้านักเรียน หรือรองเท้าฟุตซอล ที่บริษัทเคยผลิตมาก่อน เหลืออยู่ในรองเท้าตัวนี้
Outlaw ไม่เพียงแค่แหกกฎตามชื่อรุ่น แต่แตกต่างในเรื่องของดีไซน์รองเท้า เพราะได้มีการผสมผสานวัตถุดิบรองเท้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหนัง, ผ้าทอ, ผ้าตาข่าย และลูกเล่นของรองเท้าที่แตกต่างออกไป ในแต่ละรุ่น
"ตัวนี้เป็นรองเท้าต้นแบบของรองเท้า Breaker Outlaw Bushix ซึ่งเราประกอบวัตถุดิบหลายส่วนเข้าด้วยกัน บางชิ้นเราต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะหาไม่ได้ในไทย"
"ตอนเราส่งแบบสั่งทำรองเท้า โรงงานถึงกับปวดหัว (หัวเราะ) เพราะเขาไม่เคยเจอรองเท้าแบบนี้ ปกติสนีกเกอร์ ถ้าเป็นหนัง จะใช้หนังทั้งหมด ถ้าเป็นผ้า ต้องผ้าทั้งหมด แต่เราอยากทำให้มันต่างออกไป ถ้าไม่แหกกฎ ก็ไม่ใช่ Outlaw ครับ"
“ที่เราอยากทำรองเท้าให้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะไม่อยากทำให้เหมือนกับแบรนด์อื่น ไม่อย่างนั้นจะเป็นรองเท้าที่ใครทำก็ได้ อีกอย่างเราต้องการแสดงภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ที่สะท้อนตัวตนของวัยรุ่นชาย มีความขบถอยู่ในตัว เหมือนกับรุ่น Outlaw เพราะต้องการขยายฐานตลาด จากกลุ่มนักเรียน ไปสู่กลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย หรือนักศึกษาจบใหม่”
ก้าวที่ท้าทายในตลาดสนีกเกอร์
หลังจากผลิตรองเท้าสนีกเกอร์ Breaker Outlaw ออกมาหลายรุ่น และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี … ในปี 2020 แบรนด์ได้ผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ จับมือกับวงดนตรีไทยชื่อดัง “Paradox” ในชื่อ Breaker Outlaw x Paradox เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ของเพลงฤดูร้อน บทเพลงยอดนิยมของวง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ Breaker กับการดึงผู้มีชื่อเสียงในสังคม มาร่วมงานออกแบบรองเท้า ไม่ต่างจากแบรนด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักดนตรี ซึ่งเคยมีทั้ง โจอี้ บอย, Paradox และแรปเปอร์รุ่นใหม่อีกหลายคน มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์
“ด้วยคาแรคเตอร์ของ Breaker ที่สะท้อนถึงตัวตนของวัยรุ่นชาย ผมมองว่าดนตรีเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็กผู้ชายมาตลอด เชื่อว่าส่วนใหญ่จะชอบเรื่องของเสียงเพลง บางส่วนเป็นนักดนตรี”
“ดนตรีเป็นเหมือนสิ่งที่อยู่คู่กับวัยรุ่นผู้ชาย เรามองว่าการมีพรีเซนเตอร์ เป็นการแสดงภาพลักษณ์ ย้ำให้เห็นคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ของรองเท้ามากยิ่งขึ้น เช่นรุ่น Outlaw เราดึงวง Paradox มาร่วมงาน เพราะพวกเขาเป็นวงดนตรี ที่มีภาพลักษณ์ไม่เหมือนใคร”
รองเท้ารุ่น Breaker Outlaw x Paradox ยังคงเอกลักษณ์ของรุ่นไว้เช่นเดิม กับรายละเอียดรองเท้า ที่ผสมผสานวัตถุดิบหลายชิ้นเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการผลิตเป็นจำนวนจำกัด เพียง 100 คู่ เพราะรองเท้ารุ่นนี้ ใช้วิธีการผลิตด้วยมือของมนุษย์ แทนที่จะใช้เครื่องจักร
“สมัยก่อนรองเท้าหนัง ใช้มือมนุษย์ทำหมด แต่ยุคนี้พอเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ ใช้เครื่องทำหมดแล้ว เราอยากดึงเสน่ห์ตรงนั้นกลับมา ให้เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้” วิษณุเล่าถึงเอกลักษณ์ของรองเท้ารุ่นนี้
100 คู่ คือจำนวนที่ Breaker มองว่าเหมาะสมกับการจัดจำหน่าย รองเท้ารุ่น Limited Edition อย่างไรก็ตาม การตอบรับดูเหมือนจะดีกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะรองเท้ารุ่นนี้ ถูกจำหน่ายหมด ภายในเวลา 30 วินาที
“ตอนแรกเราคาดไว้ว่า จะใช้เวลาสัก 1 ถึง 2 วัน ในการวางจำหน่าย พอขายหมดรวดเร็วขนาดนี้ ถือว่าเกิดคาดเช่นกัน ต้องขอโทษผู้ที่สั่งซื้อไม่ทัน มาในโอกาสนี้ด้วย”
“ที่เราทำมาแค่ 100 คู่ ส่วนหนึ่งเพราะตั้งใจทำให้เป็น Limited จริง ๆ ให้คนที่เป็นเจ้าของรู้สึกว่าเป็นสนีกเกอร์สัญชาติไทยที่ไม่ด้อยไปกว่าแบรนด์ต่างชาติเลย”
รองเท้ารุ่น Breaker Outlaw x Paradox มีลวดลายรองเท้า ที่แตกต่างออกไป ผ่านการออกแบบของวง Paradox ร่วมกับทางแบรนด์
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ารุ่นนี้, รุ่น Outlaw ตัวอื่น หรือรองเท้าสนีกเกอร์ และรองเท้านักเรียน ของ Breaker ทุกรุ่นยังคงเอกลักษณ์เฉพาะ อันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้
“พื้นรองเท้าเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเรา เพราะเรามีสูตรเฉพาะในการทำยางรองเท้า อย่างรองเท้ารุ่น Breaker Outlaw x Paradox มีพื้นยางแบบเดียวกับรองเท้านักเรียน หรือรองเท้าฟุตซอล ที่มีความยึดเกาะได้ดี เพียงแต่มีสีที่ต่างออกไป เช่นตัวนี้เรานำสีเขียว กับสีชมพู ซึ่งเป็นสีของวง Paradox มาทำเป็นพื้น”
ความสำเร็จกับการจำหน่ายสนีกเกอร์รุ่นล่าสุด เป็นการปูทางที่ดีให้กับแบรนด์ กับการลงสู่ตลาดรองเท้าแฟชั่น และแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ไทยสามารถสร้างสนีกเกอร์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ได้เหมือนกับแบรนด์ต่างประเทศ หากกล้าที่จะคิดต่าง ฉีกออกนอกกรอบของตัวเอง
“เราหวังว่าในอนาคต สนีกเกอร์จะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง สร้างรายได้ให้กับบริษัท เพราะปีนี้เป็นปีแรก ที่เราเริ่มโปรโมตสินค้า ในตลาดนี้อย่างจริงจัง”
“ที่ผ่านมาแบรนด์ Breaker เราเดินหน้ามาตลอด เพียงแต่เราอาจจะก้าวไปในที่แปลก ๆ ไม่เหมือนกับคนอื่น การก้าวมาทำสนีกเกอร์ เราอยากแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ไทยสามารถทำรองเท้าแบบนี้ได้เหมือนกัน หลายคนที่เห็นเขาก็ตกใจว่า นี่ใช่รองเท้าของ Breaker เหรอ”
“ในอนาคต ถ้าเราสามารถเดินหน้าอย่างจริง กับรองเท้าสนีกเกอร์ เชื่อว่าจะมีสินค้าอีกหลายรุ่น ที่แปลก และแตกต่าง ออกมาวางจำหน่ายแน่นอนครับ” วิษณุกล่าวทิ้งท้าย