จับทางลักษณะ “คู่จิ้น” ที่ส่อแววมีแค่แฟนคลับเท่านั้นที่อิน

จับทางลักษณะ “คู่จิ้น” ที่ส่อแววมีแค่แฟนคลับเท่านั้นที่อิน

จับทางลักษณะ “คู่จิ้น” ที่ส่อแววมีแค่แฟนคลับเท่านั้นที่อิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความสุขของคนที่เสพละครหรือซีรีส์ นอกจากจะดูเพราะชื่นชอบบท แล้วนำมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าบ้งหรือไม่บ้ง สนุกหรือไม่สนุกแล้ว “ตัวนักแสดง” ก็มีผลต่อการตัดสินใจของคนว่าจะดูหรือไม่ดูด้วยเหมือนกัน ยิ่งถ้าเราเป็น “แฟนคลับ” ของนักแสดงสักคนด้วยแล้ว เราก็ย่อมอยากติดตามผลงานและสนับสนุนเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หลายคนยอมตกอยู่ในสถานะ “เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ” หรือ “ความสัมพันธ์ระหว่างเมนกับติ่ง คือความสัมพันธ์แบบคนจนเปย์คนรวย” (เมน (main) คือ คำที่ใช้เรียกศิลปินหรือนักแสดงที่เราชื่นชอบมาก ๆ หรือชอบที่สุด)

เมื่อตัวนักแสดงมีผลต่อการตัดสินใจว่าจะติดตามหรือไม่ติดตามแล้ว อีกสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจไม่แพ้กันก็คือ “คู่จิ้น” ในแง่ของผู้ผลิตรายการ การตลาดแบบคู่จิ้นนั้นถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก อย่างน้อยที่สุดคือสามารถเข้าถึงกลุ่มแฟนคลับได้แน่ ๆ แล้ว 3 กลุ่ม คือ แฟนคลับที่จิ้นแบบแพ็กคู่ 1 กลุ่ม และแฟนคลับของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอีก 2 กลุ่ม อย่างไรเสีย หากเป็นแฟนคลับคนใดคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ชอบอีกคน ก็ยังปิดตาข้างหนึ่งเพื่อดูคนที่ตนเองชอบอยู่ดี
พัฒนาการจาก “คู่ขวัญ” สู่ “คู่จิ้น”

สำหรับคนวัยที่อายุไม่เกิน 20 ปี อาจไม่ค่อยคุ้นเคย (หรือไม่เคยได้ยิน) คำว่า “คู่ขวัญ” สักเท่าไร แต่สำหรับคนวัย 25+ คนกลุ่มนี้เติบโตมาทันได้ยินคำว่าคู่ขวัญ แม้ว่าจะช่วงหลัง ๆ แล้วก็ตาม ก่อนที่จะมารู้จักกับคำว่า “คู่จิ้น” เพราะนักแสดงที่เป็น “คู่ขวัญ” ที่คนวัยประมาณ 25 ปีรู้จัก ทุกวันนี้คือทยอยแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกวัยกำลังโตกันไปหมดแล้ว ส่วนคำว่า “คู่จิ้น” ก็เพิ่งจะมาใช้กันแพร่หลายในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง

ที่จริง ๆ แล้ว ถ้าถามความหมายจากความรู้สึกของคนที่รู้จักทั้ง “คู่ขวัญ” และ “คู่จิ้น” ความรู้สึกของพวกเขาจะบอกได้ทันทีว่า “มันไม่เหมือนกัน” โดยที่อาจจะอธิบายไม่ได้ว่าไม่เหมือนกันอย่างไร แต่สิ่งที่คนกลุ่มนี้อธิบายได้ คือลักษณะที่ “คู่ขวัญ” กับ “คู่จิ้น” มีร่วมกัน คือ เป็นคู่ของคนในวงการบันเทิง ที่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟน ๆ เนื่องมาจากการที่เห็นพวกเขาทำงานร่วมกัน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า “คู่ขวัญ” กับ “คู่จิ้น” นั้นเหมือนกัน ต่างกันแค่ภาษาคลาสสิกกับภาษาโมเดิร์นเท่านั้นเอง

“คู่จิ้น” คำว่า “จิ้น” มีที่มาจาก “อิมเมจิ้น (Imagine)” ลักษณะของคู่จิ้นคือ คู่ของคนในวงการบันเทิง ที่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม เพราะคู่นี้ถือว่าเป็นคู่ในจินตนาการของแฟนคลับกลุ่มนั้น ๆ ที่จับเอาคนสองคนที่มีผลงานร่วมกัน หรือสนิทสนมกัน มาลุ้นกึ่ง ๆ สนับสนุน ที่จะให้เขาทั้งสองเป็นคู่รักกันจริง ๆ เพราะโมเมนต์เวลาที่เห็นเขาอยู่ด้วยกันนั้น “น่ารักและเข้ากันได้ดี” จนทำให้บรรดาแฟนคลับมโนกันไปไกลว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อนร่วมงาน

ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถเห็นคู่จิ้นได้ทั้งแบบ ชาย-หญิง ชาย-ชาย หรือหญิง-หญิงก็ได้ ดังที่เราจะเห็นแฟนคลับของพวกเขาปั่นยอดรีทวิตจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ให้เห็นอยู่ทุกวัน อย่างน้อยที่สุดจะต้องมี 2 เทรนด์ต่อวัน ไม่ว่าข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ หรือประเด็นสังคมอื่น ๆ ในขณะนั้นจะร้อนระอุแค่ไหนก็ตาม

ส่วน “คู่ขวัญ” นั้นจะเป็นความสัมพันธ์ของนักแสดงชาย-หญิง ที่มีการร่วมงานกันในลักษณะที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นประเด็นในเชิงชู้สาว แต่การร่วมงานกันของพวกเขาทำให้ผลงานน่าติดตาม คนดูมีความสุข จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของคน อย่างไรก็ดี กลุ่มคนที่ชื่นชอบคู่ขวัญ อาจไม่ถึงขั้นที่อยากจะให้พวกเขาคบหากันจริง ๆ เพียงแต่รอติดตามผลงานที่พวกเขาจะโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ใช่บทคู่กันก็ตาม ดังนั้น คู่ขวัญแทบไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสเรียกร้องใด ๆ คนก็พร้อมจะติดตามผลงาน

นั่นหมายความว่ากระแส “คู่จิ้น” เกิดขึ้นภายใต้ “เคมีที่เข้ากัน” มากกว่า “คู่ขวัญ” ทำให้ทุกวันนี้ คู่จิ้นไปไกลกว่าคนที่เคยร่วมงานกัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องเคยทำงานร่วมกัน อาจไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีกลุ่มแฟนคลับรู้สึกอยากจิ้นพวกเขา เพราะดูแล้วน่าจะเข้ากันได้ดี เท่านี้ก็กลายเป็นคู่จิ้นในมโนของแฟนคลับไปแล้ว

เมื่อเรื่องที่เกี่ยวกับการคบหากันเปิดกว้างขึ้น คนจึงเริ่มที่จะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าอยากให้นักแสดงที่ตนเองรู้สึกจิ้นคบหากันจริง ๆ จึงไม่แปลกที่บรรดาแฟนคลับบางคนของคู่จิ้นคู่นั้น ๆ จะสนับสนุนและลุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้เขาเป็นแฟนกันจริง ๆ เพราะคู้จิ้นบางคู่ก็อินไปตามกระแสแรงเชียร์จนหวานกันนอกจอ ยิ่งทำให้แฟนคลับจิ้นกันรุนแรงขึ้น

จิ้นเป็นบ้าเป็นหลังชวนลำบากใจ

เกิดขึ้นกับแฟนคลับที่จิ้นคู่จิ้นของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายว่าอยากให้พวกเขาคบหาเป็นแฟนกันจริง ๆ ซึ่งนั่นก็แปลว่าแฟนคลับกลุ่มนี้อยากจะเห็นคนคู่นี้ร่วมงานกันบ่อย ๆ ร่วมงานกันไปทุกเรื่อง พอคนใดคนหนึ่งจากคู่จิ้นไปร่วมงานกับนักแสดงคนอื่น ก็เกิดกระแส “ต่อต้าน” พากันดราม่าว่าคู่นี้ไม่เหมาะกันมั่ง บทแบบนี้อยากให้เขาเล่นคู่กับคู่จิ้นเขามากกว่า บางทีถึงขั้นแอนตี้นักแสดงอีกคนหนึ่งเลยก็มี หรืออีกกรณี คือการรับไม่ได้หากพวกเขาร่วมงานกันในละครเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ได้บทคู่กัน ความดราม่าก็ตามมาอีก

จิ้นจนคนนอกเบื่อ

ต่อเนื่องจากประเด็นก่อนหน้า เป็นธรรมดาของแฟนคลับที่เวลาจิ้นคู่ไหน ก็อยากเห็นพวกเขาร่วมงานกัน แน่นอนกระแสนี้มัน “ขายได้” ทางผู้ผลิตก็ผลิตงานออกมาเสิร์ฟบรรดาแฟนคลับสายจิ้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี กระแสคู่จิ้นที่มีอยู่เกลื่อนวงการ มีไม่กี่คู่ที่ “แมส” แบบที่คนเกือบทุกกลุ่มเข้าถึง เพราะส่วนใหญ่คู่จิ้นจะเกิดขึ้นจากแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แต่เมื่องานถูกผลิตออกมาอยู่บนช่องฟรีทีวี คนคู่เดิมที่คู่กันซ้ำ ๆ บางคนรำคาญจนเปลี่ยนช่องหนีเลยทีเดียว

จริง ๆ ต้องยอมรับว่า “กระแส” เป็นอะไรที่มาเร็วไปเร็ว แรก ๆ อาจจะมีแฟนคลับจิ้นคู่นี้อยู่จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าพวกเขาวนแสดงคู่กันทุกเรื่อง ไม่เจอนักแสดงคนอื่นเลย แย่ยิ่งกว่าหากตัวนักแสดงไม่มีบทที่ท้าทายหรือบทอะไรใหม่ ๆ กี่เรื่องก็วนอยู่แต่คาแรคเตอร์เดิม ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่กินกับข้าวอย่างเดิม ๆ ทุกวัน ถึงจุดหนึ่งมันก็อิ่มตัว เบื่อ และเอียนไปเอง ไป ๆ มา ๆ ก็หลุดวงโคจรแฟนคลับคู่จิ้นคู่นี้ไป

จิ้นจนกระทบความสัมพันธ์ในโลกความเป็นจริง

เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่จิ้นเปิดตัวว่าจะมีแฟนในชีวิตจริง หรือบางคู่คบกันมานานแล้วก่อนที่จะเข้าวงการบันเทิงด้วยซ้ำ ทำให้แฟนคลับรับไม่ได้ ไม่พอใจ เหมือนไม่เข้าใจว่านักแสดงก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่จะเลือกคบกับใครก็ได้ที่เขารู้สึก “รักของเขา” จนบางครั้งเราอาจเห็นแฟนคลับที่คลั่งจิ้น ถึงขั้นตามไประรานคนรักในชีวิตของนักแสดง เรียกได้ว่าจิ้นจนเลยเถิดกระทบความสัมพันธ์ในชีวิตจริงของนักแสดง

หรือต่อให้คู่จิ้นคู่นี้จะไม่ได้เปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับใครอย่างเปิดเผย แต่ต่างฝ่ายต่างชัดเจนว่าไม่ได้คบกันเอง ก็มีแรงกดดันที่ทำให้เขาต้องแสดงออกว่าคบกัน หรือพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น โดยลืมว่านักแสดงเป็นอาชีพหนึ่ง ก็เป็นไปได้ที่เขาจะเกิดไม่พอใจเพื่อนร่วมงานขึ้นมา แต่อยู่ในสภาวะจำใจเพื่อเอาใจแฟน ๆ ซึ่งมันจะน่าอึดอัด และลำบากใจมาก เพราะขนาดเราไม่พอใจใครในที่ทำงาน เรายังหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูด ไม่คุยด้วยเลย

จิ้นด้วยตรรกะผิดเพี้ยนเกินเยียวยา

ในช่วงที่ผ่านมา เราพอจะเห็นการจับจิ้นที่ผิดเพี้ยนจนเกินเยียวยา นั่นคือ การจับเด็ก 2 คนจิ้นกัน มีทั้งเด็กที่ร่วมงานกัน และเด็กที่เป็นพี่น้องฝาแฝด ที่จริง แค่จับเด็ก 2 คนมาจิ้นกันก็ไม่สมควรแล้ว ยังจะไปจิ้นคู่พี่น้องฝาแฝดกันอีก ถึงจะมีคนแค่ไม่กี่คนที่รู้สึกจิ้นในลักษณะนี้ แต่นี่ถือเป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดปกติทางจิต และกระทบต่อสวัสดิภาพของเด็กด้วย เพราะเหมือนเป็นการยัดเยียดประเด็นชู้สาวให้กับเด็ก ทั้งที่เด็กยังไม่ประสีประสา และไม่รู้เรื่องอะไรด้วย การจิ้นลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กที่เป็นลูกของคนในวงการ เพราะเด็กเป็นที่รู้จักจากการออกสื่อ

จิ้นเกินจนงานที่ผลิตเสิร์ฟดูเกินงาม

เพราะโมเมนต์แทบทุกโมเมนต์ของคู่จิ้นมันขายได้ ยิ่งทำคนดูฟินจิกหมอนได้เท่าไรก็ยิ่งขายดี ไม่แปลกที่ทางผู้ผลิตรายการหรือโปรดิวเซอร์ค่ายต้นสังกัดนักแสดงจะพยายามยัดเยียดบทบาท หรือการปฏิบัติตัวระหว่างกันของคู่จิ้นแบบ “ถึงเนื้อถึงตัว” เพื่อเซอร์วิสแฟนคลับ จนทำให้แฟนคลับมโนไปไกล เพราะบางครั้งบทบาทมันก็รุนแรงเกินไปกับการออกอากาศสื่อสาธารณะ

แต่ถึงอย่างนั้น คงต้องยอมรับว่ากระแสการจับจิ้นส่วนหนึ่งก็มีที่มาจากตัวนักแสดงเอง ด้วยการสร้างกระแส “เรียกงาน” สร้างกระแสเพื่อให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่ว่าจะได้บทอย่างไรก็ยอมเล่น เพราะต้องการมีที่ยืน เริ่มเป็นข่าว เป็นที่สนใจ จากนั้นผลงานก็จะตามมาเอง เพื่อการตลาด คู่จิ้นบางคู่เรียกเรตติ้งให้ช่อง ถูกเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาคู่กัน งานอีเวนต์คู่ ถ่ายแบบคู่ เรียกได้ว่าโด่งดังแบบคู่ และรับทรัพย์แบบแพ็กคู่เช่นกัน

แม้ว่าการที่แฟนคลับจะจับใครจิ้นใครกับใครจะเป็นสิทธิส่วนบุคคล เพราะมันเกิดขึ้นในจินตนาการ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องแยกแยะให้ได้ว่าไหนคือเรื่องงาน เรื่องไหนคือเรื่องจริง ท้ายที่สุดก็ต้องอยู่ภายใต้ความเป็นจริงที่ว่า “สิ่งที่พวกเขาทำมันคือการทำงาน” อย่าคิดและคาดหวังว่าในชีวิตจริงพวกเขาจะต้องคู่กันเท่านั้น พวกเขาก็มีชีวิตจริงของเขาเหมือนกัน

ถ้าจะอยู่ในวงการจิ้น จงจิ้นอย่างมีสติ เพราะนักแสดงก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนเราทุกคน พวกเขาต้องการชีวิตส่วนตัว ชีวิตที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงานในทุกช่วงของชีวิต ดังนั้น อินแค่กับบทบาทที่พวกเขา “แสดง” ในโลกการทำงานก็พอ อย่าเอามาอินกับชีวิตจริงจนไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวพวกเขา ติ่งแต่พอดี จิ้นอยู่ในขอบเขต อย่าคาดหวังให้ชีวิตใครเป็นไปตามลิขิตของตัวเราเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook