ทำความรู้จัก "บัว นลินทิพย์" สาวนิเทศสวนสุนันทา นางเอกลุคสดใส แต่ข้างในแกร่งไม่เบา
เธอคนนี้เรียกว่าสร้างความสดใสทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอจริงๆ สำหรับ บัว นลินทิพย์ นางเอกสาวดาวรุ่งที่มาพร้อมกับความน่ารัก และยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี คิดบวก ส่งพลังงานดีให้กับคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญเธอคนนี้ยังค้นหาตัวเองเจอ และเดินตามเส้นทางความฝันตัวเองมาตั้งแต่วัยรุ่นจนเรียกว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตัวเองเลือก อย่างการทำงานในวงการบันเทิงอีกด้วย
ซึ่ง Sanook Campus เราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ บัว นลินทิพย์ สาวเก่งสายนิเทศ จากรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ถึงเรื่องราวชีวิตของเธอ ตลอดจนไปถึงการเดินตามความฝัน ความภาคภูมิใจในการทำงานในวงการบันเทิง มาให้เพื่อนๆ ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอให้มากขึ้นกันอีกด้วย บอกได้เลยว่าถ้าได้รู้จักกับเธอ จะต้องหลงรักความสดใส ความมองโลกในแง่ดีของเธอกันอย่างแน่นอน
ประวัติ บัว นลินทิพย์
- บัว มีชื่อจริงว่า นลินทิพย์ อ่องอำไพ
- เกิดวันที่ 12 สิงหาคม 2533
- ส่วนสูง 162 เซนติเมตร
- จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศรีบุณยานนท์
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวิทยาการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
- IG : buanalinthip
ทำไมเปลี่ยนชื่อจาก วันสิริ เป็น นลินทิพย์?
ถ้าพูดจริงๆ คือ พระท่านตั้งให้ใหม่ค่ะ พระท่านบอกว่าชื่อเก่าของบัว จะมีตัวอักษรที่ไม่ดีค่ะ แต่ถ้าถามบัวนะคะ บัวคิดว่าบัวชอบชื่อเก่าของบัวนะ เพราะเป็นชื่อที่คุณยายตั้งให้ด้วย ชื่อวันสิริ มาจากวันที่บัวเกิดค่ะ วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสิริมงคล เป็นวันแม่ของประเทศไทยเราค่ะ แต่เมื่อพระท่านแนะนำว่าเปลี่ยนแล้วชีวิตจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็ลองเปลี่ยนดูค่ะ ไม่เสียหาย มันก็เป็นความเชื่อนะคะ
สำหรับบัวพอเปลี่ยนมาก็รู้สึกโอเคนะคะ เหมือนว่าบัวได้รับอะไรดีๆ ได้โอกาสจากผู้ใหญ่มากขึ้นด้วยค่ะ ส่วนชื่อ นลินทิพย์ มีความหมายคือ นลิน คือ บัว ส่วนทิพย์ ก็คือสวรรค์ค่ะ มีความหมายว่าเป็นดอกบัวจากสวรรค์ค่ะ ซึ่งก็สอดคล้องกับชื่อเล่นเราด้วยค่ะ
ถ้ามองตัวเองคิดว่า บัว นลินทิพย์ เป็นคนแบบไหน?
ทุกคนอาจจะมองว่าภายนอกหรือลุคของบัวจะเป็นผู้หญิงหวานๆ เรียบร้อย แต่สำหรับบัว บัวรู้สึกว่าเราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แมนๆ ลุยๆ อะไรก็ได้ง่ายๆ ค่ะ เพราะบัวเป็นคนที่สามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เด็กค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองก็แข็งแรงเหมือนกันนะ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยเหลือเราค่ะ เรารู้สึกว่าชอบทำอะไรเองค่ะ บางทีเวลามีคนมาทำอะไรให้เรา เราก็จะรู้สึกว่าเกรงใจเขา แบบว่าเขาจะอยากทำให้เราหรือเปล่า ถ้าเขาเต็มใจทำให้เราก็ไม่เป็นไร แต่บัวชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่า ถ้ามันไม่ได้หนักหนาเกินกำลังของตัวเราค่ะ
ถ้าพูดถึง บัว นลินทิพย์ 3 อย่างที่คิดว่าคนจะนึกถึงเราคืออะไร?
ทุกคนบอกว่ารอยยิ้มค่ะ อันนี้บัวเห็นจากคอมเมนต์นะคะ หลายๆ คนบอกว่าบัวยิ้มแล้วมีความสดใส ทำให้รู้สึกดี มีกำลังใจค่ะ ถ้าสิ่งที่เรามีทำให้ใครรู้สึกสบายใจ มีความสุขได้ บัวก็ดีใจ รู้สึกดีค่ะ ที่มีคนรู้สึกดีกับเราแล้วเราสามารถตอบแทนพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย (ยิ้ม) ส่วนอีกสองข้อ ยากจังเลยค่ะ นึกไม่ออกเลย (หัวเราะ) งั้นเป็นคนดีคนน่ารัก ที่ใครอยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีแล้วกันค่ะ (หัวเราะ)
ทำไมเราถึงเลือกที่จะเรียน นิเทศศาสตร์?
ที่บัวเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ เพราะว่าบัวเป็นคนชอบอะไรใหม่ๆ แล้วรู้สึกว่านิเทศก็ตอบโจทย์ในความชอบด้านศิลปะ ที่มันเข้าทางเราพอดีค่ะ เพราะตั้งแต่ที่บัวเรียนชั้นมัธยมมาบัวก็รู้ตัวค่ะว่าตัวเองเป็นสายกิจกรรมจริงๆ แบบว่าเป็นลีดทุกปีเลยนะ (ยิ้ม) ตั้งแต่ ม.1 เลยค่ะ แค่ตอน ม.5 ปีเดียวเลยมั้งที่บัวไม่ได้เป็น นอกนั้นคือเป็นมาตลอดเลยค่ะ เป็นสายกิจกรรมมากๆ เลิกเรียนคือต้องไปซ้อมลีดตลอดเลย ชอบให้ตัวเองมีกิจกรรมทำ ชอบให้ตัวเองไม่ว่างค่ะ
การที่เราเรียนนิเทศ เราได้เอาอะไรจากการเรียนมาใช้กับการทำงานเราบ้าง?
สำหรับบัว บัวคิดว่าโชคดีที่เรามาสายนิเทศค่ะ ตั้งใจอยากจะทำเบื้องหลัง คือตอนนั้นได้แรงบันดาลใจมาจาก (หัวเราะ) ไม่รู้จะทันกันมั้ย คือเว็บไซต์ StoryThai ที่เป็นเขียนไดอารี่ออนไลน์ เริ่มมาจากตรงนั้น มันทำให้เราอยากแต่งรูปให้สวย มันก็เริ่มจากตรงนั้น เริ่มเรียน Photoshop รวมไปถึง Illustrator เลยทำให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วเราชอบงานกราฟิกดีไซน์นะ เลยเป็นแรงบันดาลใจตั้งแต่ตอนเด็กเลยค่ะ พอมาเรียนนิเทศบัวก็รู้สึกอยากที่จะเรียนงานเบื้องหลัง งานตัดต่อ อยากทำงานเบื้องหลัง อยากทำรายการทีวี แต่สุดท้ายแล้วงานตัดต่อสำหรับบัวนะคะ มันดูเป็นงานผู้ชายมากๆ ที่เป็นงานไม่ตรงเวลาเลิกงานกลางคืน แต่เราเป็นผู้หญิงเราจะกลับบ้านดึก มันก็ดูไม่ค่อยสะดวกสำหรับบัวค่ะ
แต่พอเราได้มาทำงานในวงการนักแสดงทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างที่บัวเคยได้สัมผัสในวงการเบื้องหลังมันช่วยบัวในทุกๆ ทางเลยนะคะ เราได้รู้ว่าความยากลำบากของงานเบื้องหลังมันเหนื่อยมากๆ เราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีมงานเบื้องหลังไม่ต้องมาทำงานหนักกว่าเดิม เพราะว่าคนทำงานเบื้องหลังเขาทำงานเหนื่อยและหนักกว่าคนที่ทำงานเบื้องหน้าแบบเราอีก เพราะฉะนั้นเราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อคนอื่นเพื่อทีม เพื่อส่วนรวมด้วยค่ะ (ยิ้ม)
ฉายาสมัยเรียนและวีรกรรมสุดโก๊ะ/ฮา สมัยเรียนคืออะไร?
กิจกรรมป่วงๆ โก๊ะๆ หรอคะ ไม่ค่อยมีเลยค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ บัวเป็นเด็กเรียบร้อยนะ แต่จริงๆ ก็มีความแอบเกเร โดดเรียนไปเที่ยวบ้างนะ (ยิ้ม) แต่อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีนะคะ น้องๆ อย่าทำตามนะ ส่วนฉายาคนก็เรียกเป็ดมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เพื่อนบอกว่าหน้าเหมือนเป็ด เสียงก็เหมือนเป็ด ก็จะโดนเรียกว่าเป็ด มาตลอดเลยค่ะ เป็นภาวะจำยอมที่เพื่อนๆ เรียกค่ะ ทำอะไรไม่ได้ (หัวเราะ)
ถ้าเราไม่ได้เป็นนักแสดง คิดว่าเรามีความฝันอะไรที่จะทำ?
จริงๆ บัวอยากจะเป็นกราฟิกดีไซน์ค่ะ อย่างที่บัวบอกไปว่าเราสนใจทางด้านนี้ตั้งแต่สมัยเรียนเลย เรื่องการแต่งรูป เพราะบัวชอบอะไรแบบนี้มากๆ เวลาเราเห็นผลงานที่เขาออกแบบ เราจะรู้สึกชื่นชม และเราก็มีความสุขในการที่อยากจะทำอะไรสไตล์นี้ด้วยค่ะ เลยคิดว่ามาสายกราฟิกดีไซน์น่าจะเหมาะกับบัวมากที่สุดค่ะ
มีบทบาทอะไรที่เราคิดว่าอยากจะทำมากๆ ในวงการบันเทิงมั้ย เบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือ บทบาทที่อยากได้รับ?
บัวอาจจะยังไม่ได้คิดถึงเบื้องหลังขนาดนั้น เพราะตอนนี้เราก็อายุยังน้อยอยู่ เรายังต้องเก็บประสบการณ์อีกเยอะเลยค่ะ บัวยังคิดว่าเรายังสามารถพัฒนาตัวเองในเส้นทางอาชีพนี้ได้เรื่อยๆ ค่ะ เพราะบัวคิดว่านี่คือสิ่งที่เราชอบแล้วเราก็รู้สึกรักที่ได้ทำมัน เราก็อยากทำมันให้ดี อยากจะพัฒนาตัวเองไปให้ไกลๆ ค่ะ แบบว่าเล่นบทบาทอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในบทบาทเดียว อยากให้คนมองว่า บัว เป็นนักแสดงที่สามารถเล่นได้ทุกบทบาทมากกว่าค่ะ สำหรับเป้าหมายในตอนนี้
ถ้าหากวันนี้เราสามารถย้อนกลับไปหาตัวเองตอนอายุ 15 ปีได้ เราจะบอกอะไรกับตัวเองในเวลานั้น?
อืมมมมมมมม ตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ (หัวเราะ) ที่จริงบัวก็เรียนดีนะ (ขำ) จบมาก็ได้เกรดตั้ง 3.3 นะ ถ้าตั้งใจกว่านี้อาจจะได้เกียรตินิยม จริงๆ แล้วช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่บัวอยากเข้ามาทำงานในวงการด้วยแหละค่ะ เลยรู้สึกว่าช่วงคาบเกี่ยวในช่วงเวลานั้นมันหายไปค่ะ ช่วงเวลาที่เราได้สนุกสนานกับการเป็นวัยรุ่นมันหายไปค่ะ เคยคุยกับคนอื่น เขาก็จะบอกว่าช่วงเวลาที่ดีและสนุกที่สุดคือช่วงเวลาวัยรุ่นที่อยู่มัธยมใช่ไหมคะ แต่สำหรับบัว ช่วงเวลานั้นบัวไม่ค่อยมีเวลาที่จะได้สัมผัสมันเลย ถ้าพูดกับตัวเองในตอนนั้นได้ คงอยากพูดว่าอยากย้อนกลับไปสนุกๆ กับช่วงเวลานั้นบ้างมั้งคะ ใช้ชีวิตมัธยมให้เต็มที่ดูอะไรแบบนี้ค่ะ
ถ้าเราเลือกเป็นตัวการ์ตูนได้ตัวนึงจะเลือกเป็นอะไร?
โดราเอมอนเลยค่ะ เพราะว่าแบบอยากจะทำอะไรก็ได้ มีของวิเศษให้ใช้ มีประตูไปไหนก็ได้ เวลาอยากจะไปไหนก็ไปได้เลยค่ะ มีเครื่องมือดีๆ ที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสนุกค่ะ
เราเป็นคนที่เกิดวันแม่ แล้วเสียคุณแม่ในวันแม่ด้วย สิ่งนี้ทำให้มุมมองวันสำคัญนี้ของเราเปลี่ยนไปไหม?
ถามว่าเปลี่ยนไปไหม ในช่วงแรกๆ ในปีสองปีแรกที่คุณแม่เสีย ก็อาจจะรู้สึกว่า มันก็เป็นที่วันที่เราเสียใจวันหนึ่งและมันก็เป็นวันเกิดของเราด้วย แต่ว่าด้วยเวลาผ่านไป มันก็ช่วยเยียวยาเราค่ะ ก็ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ยังคงคิดถึงคุณแม่เหมือนเดิม แต่มันเป็นความคิดถึงที่เรารู้สึกว่าวันเป็นวันเกิดของเรา เราก็ได้ไปทำบุญให้กับคุณแม่ด้วยมากกว่าการจมอยู่กับความรู้สึกเสียใจค่ะ แบบว่าถ้าเรามัวแต่คิดว่าเราเสียใจ ว่าวันเกิดเราแต่ก็เป็นวันที่เราเสียคุณแม่ไป ผลมันก็จะตกมาอยู่ที่ตัวเรา บัวเลยคิดว่าถ้าเรารู้สึกแบบนั้นมันก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเราค่ะ เปลี่ยนไปคิดอีกแง่ดีกว่า ตอนนี้คุณแม่ไม่อยู่กับเราแล้ว ก็ไม่เป็นเราแต่เราก็คิดซะกว่าเราได้ทำบุญทำเรื่องดีๆ ในวันเกิดเราให้กับคุณแม่ดีกว่า
อะไรคือสิ่งที่เราภูมิใจที่สุดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในวงการ?
เป็นวันที่ทุกคนชื่นชมในผลงานของบัวค่ะ ชอบที่บัวสวมบทบาทตัวละครตัวนี้นะ มันดีนะ เป็นที่จดจำนะ มันก็ทำให้บัวรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จนะที่ทำให้ผู้ชมจดจำผลงานของเราได้ ไม่ว่าในแง่ไหนก็แล้วแต่ อย่างเช่นบัวเคยเล่นบทแฝด มันก็เป็นความท้าทายนะคะ แบบว่าสองตัวเราจะทำยังไงให้คนสามารถแยกแยะได้ว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้ และแยกตัวละครออก และเมื่อผลงานของบัวได้ออกไปแล้วคนสามารถแยกตัวละครออกได้ว่าเป็นตัวละครคนละตัวจริงๆ มันก็เป็นอะไรเล็กที่ทำให้บัวรู้สึกดีใจและภูมิใจในผลงานที่บัวได้ทำออกไป รวมไปถึงละครเรื่องตราบาปสีชมพูที่ทำให้หลายๆ คนรู้จักบัวมากขึ้นก็ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่สร้างผลงานชิ้นนี้ออกมา ทำให้บัวเป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับ ทั้งของไทยและต่างประเทศที่เขาสนใจและรู้จักเราจะละครเรื่องนี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำ มันสามารถส่งไปถึงผู้ชมที่มาจากหลากหลายประเทศได้ บัวรู้สึกดีมากๆ ค่ะ
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเป็น บัว นลินทิพย์ คืออะไร?
คงได้ซื้อบ้านให้พ่ออยู่ ให้พี่ชายอยู่ค่ะ เพราะมันเป็นความตั้งใจแรกของเราอยู่แล้ว ซึ่งการที่เราเข้ามาในวงการบันเทิงมันก็เป็นโอกาสที่ดี ที่ทำให้เราได้ทำความตั้งใจของเราให้สำเร็จได้เร็วขึ้น แต่ที่จริงแล้วความตั้งใจของบัวจริงๆ คือคุณแม่ อยากที่จะมีบ้านแล้วก็เราอยากที่จะซื้อบ้านให้กับแม่ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นความเสียใจอีกอย่างหนึ่งที่วันที่เรามีบ้าน แม่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ก็เคยคิดเล่นๆ ว่าตอนอยู่ในบ้าน ถ้าแม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ด้วยก็คงจะดีนะ แต่ก็โอเคค่ะ ถึงคุณแม่จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคุณพ่อของเราก็ได้อยู่ พี่ของเราก็ได้อยู่ มันก็เป็นความสุขอีกแบบนึงค่ะ
ฝากผลงานหน่อย ตอนนี้บัวมีผลงานอะไรให้ติดตามบ้าง?
ฝากผลงานของบัวด้วยนะคะ สำหรับเรื่องร้อยเล่ห์มารยา กำลังมีความเข้มข้นน่าติดตามเลย และสำหรับในปีหน้าก็มีละคร พราวมุก และก็เรื่อง แค้นรักสลับชะตาค่ะ ฝากติดตามผลงานของบัวด้วยนะคะ
อัลบั้มภาพ 79 ภาพ