อยาก “ขายของออนไลน์” อย่ามีสไตล์การขายให้ลูกค้าเพลีย
เข้าสู่ยุคดิจิทัลอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น การค้าขายก็เช่นกัน เชื่อได้เลยว่ายุคนี้เป็นยุคที่ใครก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าได้ ไม่ต้องถึงขั้นไปรับของมาขายแบบจริงจัง แต่หลายคนก็ใช้วิธีการขายของมือสองที่ตัวเองไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หนังสือ สารพัดอย่างที่จะขุดกันมาขายได้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงเป็นอีกอาชีพที่คนหันมาทำกันเยอะมาก
นั่นเลยทำให้เราเจอสไตล์การขายของพ่อค้าแม่ค้าที่แตกต่างไปด้วย ทั้งแม่ค้าใจดี แม่ค้าอินดี้ แม่ค้าสายฮา และก็มีแม่ค้าอีกหลายประเภทเลยที่มีพฤติกรรมแบบที่ไล่ลูกค้าโดยไม่รู้ตัว เราเลยรวมมาให้ว่าในฐานะผู้บริโภค เรามักจะส่ายหน้าให้กับการขายของแบบไหนมากที่สุด?
ไม่ยอมบอกราคา ให้ทักถามหลังไมค์
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเริ่มมาจากไหน จะขายของทั้งทีแต่ไม่ยอมบอกราคาให้เรียบร้อย (บางร้านมาครบยันความยาวของกางเกง ตำหนิ ขนาดเอว ขนาดสะโพก ใส่ได้ทุกอย่างยกเว้นราคา!) ต้องให้ลูกค้าทักหลังไมค์เพื่อไปถามราคาอีกทีหนึ่ง ซึ่งวิธีการขายแบบนี้แหละที่ตัดลูกค้าไปเยอะเลย บางทีเราก็แค่อยากเห็นราคาเพื่อตัดสินใจไปเลยว่าคุ้มค่าที่จะซื้อไหม และจะได้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับร้านอื่น ๆ ได้ พอเห็นว่าไม่บอกราคาก็…ไปดูร้านอื่นก็ได้
และที่สำคัญ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ก็อย่าลืมกันนะ ว่าหากไม่ติดราคาสินค้าให้ชัดเจน หรือต้องให้ลูกค้าทักไปถามหลังไมค์ ระวังโดนปรับนะจ๊ะ โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับสินบนนำจับ 25 เปอร์เซ็นต์ของค่าปรับด้วย ระวังไว้ เพราะคุยหลังไมค์หลักฐานน่ะมีหมด ทั้งข้อความที่พูดคุยกัน การแจ้งราคาทาง Inbox รวมถึงบัญชีธนาคารของคนขาย สะดวกต่อการนำจับมาก ๆ เลยล่ะ
ร้านที่เปลี่ยนช่องทางการติดต่อบ่อย ๆ
หลายร้านเลยแหละที่ลงขายในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรม แต่พอจะซื้อของแล้วลูกค้าต้องทักไลน์หรือต้องเปลี่ยนแอปพลิเคชันบ่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้ความอยากซื้อลดลงไปเหมือนกัน เพราะบางครั้งถ้าลงขายในเฟซบุ๊ก เราก็อยากสั่งจองใน Inbox ไปทีเดียวเลยหมดเรื่องหมดราว นอกจากนี้ การเปลี่ยนช่องทางการติดต่อบ่อย ๆ ก็เคยมีคนมาเตือนภัยไว้เหมือนกันว่าอาจโดนโกงได้ เรื่องจริงเรื่องเท็จไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ ๆ คือลูกค้าเขากลัวแน่นอน
แม่ค้าจ๋าอย่าดุหนู
แน่นอนว่าการค้าขายต้องเจอคนมากหน้าหลายตา ลูกค้าก็มีทั้งปกติ แปลก ไปจนถึงแปลกมาก หรือเป็นลูกค้าแย่ ๆ อย่างการจองของไปแล้วไม่เอา ยกเลิก ไม่โอนเงิน ต่าง ๆ นานา ซึ่งวิธีที่แม่ค้าจะจัดการก็แตกต่างกันไป หลายร้านก็เลือกใช้วิธีแคปประจานมันซะเลย หรือไม่ก็ตั้งกฎอย่างจริงจัง แต่บางคำที่พิมพ์ออกมาอาจจะทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ไม่สบายใจเพราะเหมือนโดนดุไปด้วยยังไงอย่างงั้น เราเชื่อว่าลูกค้าหลายคนชอบแม่ค้าใจดี ถึงจะมีกฎที่เข้มงวดยังไง แต่ถ้ามีการจัดการที่สุภาพและเป็นระบบ น่าจะวิน-วินกันทั้งสองฝ่ายแหละ
นำรูปจากร้านอื่นมาใช้
เรามักจะเห็นบ่อยจากร้านที่ขายสินค้าแบบ Pre-Order ซึ่งตัวร้านค้าก็ยังไม่มีสินค้าอยู่เหมือนกัน แต่จะสั่งจากเว็บไซต์ต่างประเทศ หรือซื้อจากร้านที่ต่างประเทศตามออเดอร์ของลูกค้า ร้านจึงต้องนำรูปที่มีอยู่แล้วในเว็บไซต์นั้น ๆ มาลงเพื่อขายก่อน ในมุมมองของลูกค้ามีหลายคนเลยทีเดียวที่ไม่มั่นใจว่าจะได้ของตรงปกหรือเปล่า ทำให้ความอยากซื้อลดลงไปได้เหมือนกัน
ใคร ๆ ก็ชอบของพร้อมส่ง รอของนานไปไม่สั่ง
เวลาเห็นร้านที่ต้องรอของนาน ๆ เพราะเป็นสินค้า Pre-Order จากต่างประเทศก็ทำให้ลูกค้าท้อได้เหมือนกัน (เพราะส่วนใหญ่จะรอประมาณครึ่งเดือนขึ้นไปเลยทีเดียว) ทำให้เบนเข็มไปหาร้านที่มีสินค้าพร้อมส่ง มีรูปสินค้าจริงให้ดูเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าจะแพงกว่านิดหน่อยแต่ก็สั่งแบบสบายใจ ได้ของเลยไม่ต้องรอนาน งานนี้ร้านพรีออเดอร์อาจจะต้องทำใจไว้เลย หรือบางร้านที่มีของพร้อมส่งก็จริงแต่ว่าส่งช้าลูกค้าต้องรอนาน ทำให้การกลับมาซื้อครั้งหน้าก็ยากมาก ๆ เหมือนกัน
ขึ้นราคาแบบ (ไม่) แนบเนียน
แน่นอนว่าค้าขายก็ต้องมีกำไร แต่บางร้านก็โหดมาก ๆ เหมือนกัน เพราะเมื่อสินค้าในร้านมีคนให้ความสนใจมากขึ้น ร้านฮอตขึ้น ราคาก็ขึ้นตามไปด้วย ทำให้ลูกค้าเก่า ๆ ที่เคยซื้ออาจจะช็อกกับการเปลี่ยนแปลงนั้น (บางร้านอัปราคาเป็นสองเท่ากันไปเลย) ถึงแม้จะไม่ได้ถือว่าแพงมาก แต่ก็ทำให้คนที่เคยซื้อรู้สึกไม่ดี แล้วก็เปลี่ยนใจเลื่อนหนีไปซื้อร้านอื่นได้เหมือนกัน