ระวัง! ภัยจะมาเคาะประตูบ้าน เมื่อ “ผู้สูงอายุ” อยู่บ้านคนเดียว
ทุกวันนี้สังคมอยู่ยากและน่ากลัว ไม่ใช่แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านแล้วจะมีภัย แต่การอยู่บ้านปิดประตูลงกลอนภัยก็มาถึงตัวได้เช่นกัน ด้วยภัยจากมิจฉาชีพที่อาจจะแฝงตัวเข้ามา บางครั้งอาจจะแสดงตัวกันจะ ๆ ไม่มีแอบแฝงเลยก็ได้
ในเมื่อลูกหลานต้องออกไปเรียน ไปทำงาน หลาย ๆ บ้านจะมี “ผู้สูงอายุ” เฝ้าบ้านอยู่ตามลำพัง กลายเป็นโอกาสให้เหล่ามิจฉาชีพที่คอยเฝ้าหาโอกาสชิงลงมือก่อเหตุอาชญากรรม ระดับความรุนแรงอาจจะมีตั้งแต่ขั้นเบา ๆ ด้วยการหลอกลวงเอาทรัพย์สิน การจี้ปล้น การทำมิดีมิร้าย การทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงขั้นลงมือฆ่าทิ้งอย่างเหี้ยมโหดเลยก็มี
ขนาดกับวัยอย่างพวกเรายังปลอดภัยยาก แล้วผู้สูงอายุที่เขาไม่มีทางสู้ล่ะ? ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ลูกหลานควรจะต้องระวังภัยและหาทางป้องกันไว้ก่อน ในเมื่อพวกคุณไม่สามารถอยู่บ้านในช่วงเวลานั้นได้ ก็จำเป็นจะต้องเตือนหรือบอกกล่าวผู้สูงอายุให้รู้จักภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และเตรียมรับมือไว้หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาจริง ๆ โดยภัยต่าง ๆ ที่มักจะมาเยือนถึงบ้านจะมีดังนี้
1. แฝงมาในคราบผู้ให้บริการต่าง ๆ
พฤติกรรมของโจรกลุ่มนี้จะเริ่มจากการเข้าหาเหยื่อถึงหน้าบ้าน ในคราบของเจ้าหน้าที่อะไรสักอย่าง เช่น รับดูดส้วม รับล้างแอร์ เปลี่ยนขอบยางประตูตู้เย็น เดินสายไฟ ซ่อมท่อประปา เป็นต้น โดยจะเข้ามาเสนอราคาบริการที่ถูก อ้างว่าที่อื่นแพง ราคาโปรโมชัน หรือทำนั่นแถมนี่จนเหยื่อตกลงที่จะทำ จากนั้นจะเริ่มลงมือโดยเพิ่มบริการนู่นนั่นนี่เข้าไปโดยถามความสมัครใจก่อนแต่ใช้วิธีโน้มน้าวใจ หรือทำโดยพลการบ้างแล้วแต่กรณี
เมื่อถึงขั้นตอนจ่ายเงิน มิจฉาชีพจะเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่าที่ตกลงไว้ หรือพยายามบวกค่านั่นค่านี่เข้าไป หากเหยื่อเริ่มโวยวาย ก็จะขู่ว่าหากไม่จ่ายจะแจ้งตำรวจเพราะทำให้ไปแล้ว เหยื่อจะกลัว และต้องยอมจ่ายโดยที่ไม่เต็มใจบ้างหรือรู้ไม่ทันกลโกงบ้าง อีกกรณี คือหากไม่ได้เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้ในที่ที่ปลอดภัย ก็อาจจะมีการหยิบฉวยโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เกินกว่าครึ่ง เหยื่อจะจำรูปประพันธ์สัณฐานคนร้ายไม่ได้
วิธีระวังภัยลักษณะนี้ ลูกหลานควรบอกกับผู้สูงอายุว่าไม่มีการติดต่อให้ผู้บริการเหล่านี้มาให้บริการ แต่หากมีการติดต่อให้ผู้ให้บริการเหล่านี้เข้ามาในช่วงที่ตนเองไม่อยู่บ้าน ก็ต้องบอกให้ผู้สูงอายุให้รู้ล่วงหน้าไว้ ทั้งเวลาที่ผู้ให้บริการจะเข้ามา จำนวนคนที่จะเข้ามา รวมถึงอาจจะแจ้งเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย
2. อ้างตัวเป็นลูกหลาน ขอความช่วยเหลือ
ถือเป็นกลรูปแบบใหม่ โดยคนร้ายจะติดต่อกับผู้สูงอายุในบ้าน ทั้งแบบโทรศัพท์เข้ามา โดยใช้เบอร์แปลก หรือใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยตั้งชื่อให้เหมือนหรือใกล้กับเคียงกับลูกหลานตัวจริง จากนั้นจะบอกว่าตัวเองกำลังเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือแบบด่วนมาก ๆ เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุมีโอกาสได้ปรึกษาคนอื่นหรือได้คิดทบทวนอีกครั้ง แม้กระทั่งไม่มีเวลาตรวจสอบว่าเป็นลูกหลานของตัวเองจริงหรือเปล่าด้วยซ้ำ
ควรเตือนผู้สูงอายุว่าอย่าด่วนเชื่ออะไรง่าย ๆ จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ หากใช้เบอร์แปลกโทรมา ควรติดต่อไปที่เบอร์จริงว่าติดต่อได้ไหม หรือควรเตรียมคำถามเพื่อใช้ยืนยันตัวตนไว้ ควรเป็นคำถามไร้สาระแต่มีเฉพาะคนในบ้านที่รู้คำตอบ เพราะถ้าคนร้ายเตรียมตัวมาถึงขนาดที่สวมรอยได้ น่าจะต้องรู้จักกับลูกหลานตัวจริงไม่ทางตรงก็ทางอ้อม มีการศึกษาข้อมูลส่วนตัวและนิสัยใจคอมาเป็นอย่างดี
3. แก๊งต้มตุ๋นหลอกขายของ
คนร้ายที่แฝงตัวมาในรูปแบบนี้มักจะเป็นคนต่างถิ่น แต่คนรู้จักก็มีให้เห็นเหมือนกัน นำสินค้าเข้ามานำเสนอขาย โดยอวดอ้างสรรพคุณ อ้างความคุ้มค่า เอาของดีราคาสูงมาให้ดูเพื่อโน้มน้าวใจ เมื่อเริ่มเหยื่อเริ่มคล้อยตาม ก็ใช้กลวิธีปิดการขาย ให้เหยื่อรีบตัดสินใจโดยปิดช่องไม่ให้ทันได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน เมื่อเหยื่อจ่ายเงินแล้ว กลับได้ของเกรดต่ำ ของไม่มีคุณภาพ ของเสีย ของปลอม ของผิดกฎหมาย หรือหลอกขายอย่างอื่นในราคาแพงควบคู่มาด้วย
ต้องเตือนให้ผู้สูงอายุว่าอย่าซื้ออะไรเข้าบ้านโดยไม่บอกก่อนเด็ดขาด อาจจะเสียแค่เงินก็จริงแต่ก็ไม่ควรจะเสีย หากอยากได้หรือต้องการจริง ๆ ค่อยให้ลูกหลานหาซื้อให้ก็ได้
4. อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่
อาจจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วแจ้งว่าคนในครอบครัวทำผิดกฎหมายบางอย่างจนถูกควบคุมตัว หรืออ้างว่าคนในบ้านคนใดคนหนึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ที่ไม่สามารถติดต่อมาได้ด้วยตัวเอง เช่น เกิดอุบัติเหตุ แต่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือโดยด่วน ให้โอนเงิน หรือโอนทรัพย์สินไปให้เพื่อช่วยเหลือ
หรืออาจจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ส่งเป็นข้อความแปลก ๆ มาให้กดเข้าไปอ่าน ไปดู จากนั้นก็ทำการแฮ็กข้อมูลของเหยื่อไปโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็สูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมากแล้ว
วิธีระวังภัยลักษณะนี้ ต้องเตือนผู้สูงอายุว่าอย่าไว้ใจคนที่ไม่รู้จักติดต่อมา หรือต่อให้รู้จักก็ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเป็นห่วงลูกหลานมากควรยื่นข้อเสนอขอคุยด้วย หรือขอเห็นสถานการณ์ ณ ขณะนั้นจริง ๆ โดยเห็นหน้าตาลูกหลานของตัวเอง หรือใช้คำถามที่เคยเตรียมกันไว้ก่อนหน้าเพื่อยืนยันตัวตน แต่ทางที่ดีไม่ควรจะเชื่อใจใครเลย
5. บุกบ้านขโมยทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกาย
คนร้ายที่ก่อเหตุลักษณะนี้เป็นได้ทั้งเพื่อนบ้านละแวกใกล้ ๆ ที่คอยสังเกตการณ์หาโอกาสลงมืออยู่ตลอด หรือเป็นคนแปลกหน้าก็ได้ เพราะผู้สูงอายุไม่มีทางสู้ อีกทั้งขณะเกิดเหตุก็จะตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งภัยเช่นนี้จะเป็นภัยที่อันตรายที่สุด เพราะอาจจะถูกขโมยทั้งทรัพย์สิน ถูกข่มขืน ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ หรือถูกฆ่าทิ้งเพื่อปิดปากเลยก็ได้
เพราะเป็นภัยที่ไม่สามารถเตือนลักษณะเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ จะให้ใช้อาวุธก็ไม่ปลอดภัยเพราะมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำสูงมาก จึงทำได้เพียงเตือนให้ปิดประตูบ้านให้สนิทมิดชิด ติดตั้งอุปกรณ์ที่ยากต่อการงัดแงะ หรือหากมีทุนทรัพย์ก็อาจติดกล้องวงจรปิดในบริเวณบ้าน อย่างน้อยก็ยังมีภาพเหตุการณ์บันทึกไว้ และบันทึกเบอร์ที่จำเป็นไว้ในโทรศัพท์ที่บ้านเพื่อให้โทรออกได้ทันทีในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน
6. ภัยจากคนใกล้ตัว
แม้แต่เพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อก็ไว้ใจไม่ได้ วันดีคืนดีอาจจะถูกปองร้ายไม่รู้ตัวด้วยความเชื่อใจ เพราะเข้านอกออกในได้ตลอด และรู้ชีวิตส่วนตัว รู้ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง วางอยู่ตรงไหน โดยจะแฝงเข้ามาคุยด้วยทุกวัน เพื่อหาโอกาสที่เหยื่อเผลอฉกฉวยเอาทรัพย์สินมีค่าไป อาจจะหยิบไปวันละอย่างสองอย่าง เพื่อไม่ให้ใครสังเกตได้ถึงความผิดปกติ กว่าจะรู้ตัวว่าข้าวของหายไปแล้ว เวลาก็ผ่านไปจนสืบไม่ได้ว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน
วิธีระวังภัยลักษณะนี้ ต้องเตือนผู้สูงอายุว่าอย่าพยายามเปิดประตูให้ใครเข้ามาในบ้านถึงจะเป็นคนที่รู้จักสนิทสนมก็ตาม รู้หน้าไม่รู้ใจ หากจะนั่งคุยก็ให้ใช้พื้นที่นอกตัวบ้านแทน และเก็บข้าวของมีค่าให้มิดชิดลับตา
7. คนแปลกหน้าหลอกตีสนิท
เป็นคนแปลกหน้าที่มาจากที่อื่น โดยเคยเข้ามาเซอร์เวย์ในพื้นที่ก่อนหน้านี้ เพื่อมองหาบ้านที่มีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ลักษณะภายนอกของมิจฉาชีพจะดูแล้วไม่มีพิษไม่มีภัย อาจจะขับรถดี แต่งกายภูมิฐาน พูดจาดี สุภาพ ท่าทางน่าไว้วางใจ ซึ่งจะหลอกให้เหยื่อตายใจได้โดยง่าย บางครั้งจะหลอกถามชีวิตส่วนตัวหรือกิจวัตรประจำวันด้วย เช่น อยู่บ้านคนเดียวทุกวันไหม? หรือมีลูกมีหลานไหม? เพื่อหาโอกาสกลับมาลงมือในครั้งต่อไป
เตือนผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเหมือนกับที่เตือนเด็ก ๆ คือ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่ชวนคุยเรื่องชีวิตส่วนตัว ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นคนไม่ดี อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเข้าบ้าน และให้พยายามติดต่อลูกหลานโดยทันที