สงสัยไหม? ปัจจัยอะไรที่ทำให้คนเราถนัด “ใช้มือขวา”
ธรรมชาติออกแบบมาให้มนุษย์มี 2 แขนและ 2 มือ แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมธรรมชาติถึงกำหนดว่าเราต้องถนัดใช้มือข้างใดข้างหนึ่งเป็นพิเศษ และทำไมประชากรส่วนใหญ่ของโลกจึง “ถนัดมือข้างขวา” กัน
ความลับของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์เราพยายามแสวงหาคำตอบเมื่อเกิดคำถาม คำถามว่าทำไมประชากรครึ่งค่อนโลกถึงได้ถนัดใช้มือขวามากกว่ามือซ้าย ไม่ได้มีแค่เราเท่านั้นที่สงสัยกัน เพราะนักวิทยาศาสตร์เขาก็สงสัยกันมานานแล้วเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ได้สงสัยแล้วนั่งเฉย ๆ เขาพยายามหาคำตอบ โดยตั้งสมมติฐานต่าง ๆ ขึ้นมาทำการศึกษา
เมื่อดูตามประชากรโลก คนที่ถนัดมือขวามีสัดส่วนอยู่ประมาณ 70-95 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นว่ามีเพียงส่วนน้อยถึงน้อยมาก ๆ แค่เพียง 5-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะถนัดมือซ้าย นี่ยังไม่นับรวมคนที่ถนัดใช้ทั้ง 2 มือ บางคนถนัดแบบ 2 ข้างสลับกันใช้ เช่น เขียนหนังสือด้วยมือขวา แต่จับช้อนกินข้าวด้วยมือซ้าย และมีอีกกลุ่มที่หายากได้กว่านั้น คือ คนที่ถนัดใช้มือทั้ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน นั่นหมายความว่า พวกเขาสามารถใช้มือซ้ายแทนมือขวา ใช้มือขวาแทนมือซ้ายได้ น่าสนใจว่าพวกเขาเหล่านี้สามารถเขียนหนังสือพร้อมกันด้วยมือทั้ง 2 ข้างหรือไม่
ในปี 1860 Paul Broca แพทย์ชาวฝรั่งเศส ได้ตั้งทฤษฎีว่าการถนัดซ้าย-ขวา เกิดจากการที่สมองทั้ง 2 ซีกทำหน้าที่แตกต่างกัน คนที่ถนัดมือขวา สมองซีกซ้ายจะคอยควบคุมร่างกายซีกขวาได้ดีกว่า และยังผลให้คนเหล่านั้นมีความถนัดทางภาษามากกว่าคนที่ถนัดซ้าย
ข้อเสนอนี้ยังถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อใช้อธิบายความสามารถที่แตกต่างกันของมนุษย์ ที่อาจสัมพันธ์กับการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก ทั้งที่มีนักวิจัยคนอื่นแย้งว่า สมองซีกซ้ายของผู้ที่ถนัดซ้ายถนัดด้านภาษาไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปที่ถนัดขวา ทฤษฎีนี้จึงขาดความน่าเชื่อถือไป
ความเป็นไปได้ต่อมา นักวิทยาศาสตร์นำเรื่องของยีนของสิ่งมีชีวิตมาตั้งเป็นสมมติฐานในการทดลอง เรารู้กันว่ายีนเป็นสิ่งที่เก็บลักษณะทางพันธุกรรมไว้ เพื่อถ่ายทอดจากผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันจากรุ่นสู่รุ่น แน่นอนว่ามนุษย์เราเกิดขึ้นมาจากการปฏิสนธิระหว่างอสุจิของบิดา และไข่ของมารดา นั่นเท่ากับว่าผู้เป็นลูก จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อและแม่อย่างเท่า ๆ กัน
ทฤษฎีนี้อธิบายว่า การที่มนุษย์ถนัดซ้ายหรือถนัดขวา เป็นหนึ่งในมรดกที่บรรพบุรุษส่งต่อมาทางพันธุกรรม แบบยีนเด่น-ยีนด้อย ที่ควบคุมความถนัดของมนุษย์ ทฤษฎีนี้ตั้งข้อสังเกตว่า ยีนที่ควบคุมการถนัดซ้ายคือยีน C และยีนที่ควบคุมการถนัดขวาคือยีน D โดยยีน D นั้นกระจายตัวอยู่ในประชากรมนุษย์มากกว่า
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่าคนที่มียีน D จะถนัดขวา ส่วนใครที่มียีน C นั้นมีโอกาสถนัดขวาและถนัดซ้ายแบบสุ่มอย่างละครึ่ง อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่ว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวว่าการที่คนเราจะถนัดซ้ายหรือขวานั้น จะเป็นผลจากยีนเพียงยีนเดียว
ทฤษฎีต่อมา อธิบายสาเหตุการใช้มือของบุคคลที่มียีน C (คนถนัดซ้ายส่วนใหญ่และคนถนัดขวาบางคน) อาจได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมและสังคม มีงานวิจัยที่นักวิจัยบันทึกไว้ถึงการมีเด็กที่ถนัดขวาในครอบครัวที่มีพ่อแม่ถนัดซ้าย และเด็กที่ถนัดซ้ายในครอบครัวที่มีพ่อแม่ถนัดขวา ที่มีอิทธิพลให้ลูกคล้อยตามจากการฝึกอบรมของครอบครัว และปัจจัยสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่สนับสนุนให้เด็กใช้มือข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง
มีกรณีศึกษาที่เห็นได้จากทฤษฎีนี้ เช่น โรงเรียนสมัยก่อนมักจะบังคับให้เด็กเขียนหนังสือด้วยมือขวา เมื่อเด็กใช้มือซ้ายจับดินสอ ก็จะถูกฝืนให้มาใช้มือขวาแทน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ออกแบบมาเพื่อให้คนได้ใช้มือขวาเป็นหลัก จึงน่าจะมีเด็กบางส่วนพยายามฝืนความถนัดของตัวเอง เพื่อให้สามารถใช้ข้าวของที่เน้นมือข้างขวาได้เหมือนคนส่วนมาก
ทฤษฎีต่อมาไม่เกี่ยวกับยีน (มองว่าไม่เกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม) แต่การที่คนเราถนัดซ้าย-ขวา เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกายของทารกตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาฝาแฝดจำนวนมาก พบว่าพันธุกรรมน่าจะมีผลเพียง 24 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำให้เด็กถนัดซ้ายหรือขวา นักวิทยาศาสตร์ก็เลยยังไม่สรุปออกมาเป็นผลที่แน่ชัดไม่ได้อยู่ดี
มาถึงทฤษฎีล่าสุดที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบ ในปี 2018 นักวิจัยจากเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และแอฟริกาใต้ ค้นพบว่าการที่มนุษย์ถนัดซ้ายหรือขวา เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดโดยไขสันหลัง พวกเขาศึกษาการพัฒนาของกระดูกสันหลังของตัวอ่อนในครรภ์ที่มีอายุราว ๆ 8 – 12 สัปดาห์หลังจากที่มารดาเริ่มตั้งครรภ์ พบว่าไขสันหลังมีการส่งสัญญาณประสาทไปยังมือ แขน ขา สัญญาณที่ส่งไปมีผลให้เกิดความไม่สมมาตรระหว่างมือเท่ากันทั้ง 2 ข้าง แต่ก็ต้องสะดุด เพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าอะไรเป็นปัจจัยให้ไขสันหลังส่งสัญญาณประสาทไปหาอวัยวะทั้ง 2 ข้างไม่สมมาตรกัน
นอกจากนี้ยังอ้างไปไกลถึงวิวัฒนาการจากมนุษย์ในอดีต ทฤษฎีนี้พยายามจำลองการล่าสัตว์หาอาหารของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ว่าการใช้มือซ้ายหรือมือขวานั้น เป็นนิสัยในระหว่างการใช้เครื่องมือล่าสัตว์หรือหาอาหาร โดยสร้างเครื่องมือหินโบราณขึ้นมา แล้วใช้มือซ้ายหรือขวาเพื่อสับหรือเคาะเครื่องมือต่าง ๆ ให้เป็นรูปร่างเหมือนอุปกรณ์ที่มนุษย์ยุคหินสร้างขึ้นมาเพื่อล่าสัตว์ หลักฐานที่ได้ทำให้เห็นว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์เมื่อกว่า 2 ล้านปีก่อน ถนัดขวาเป็นส่วนมาก
แต่การพิสูจน์สมมติฐานนี้ก็เป็นเรื่องยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันคำตอบที่ชัดเจน เพราะมันเกี่ยวกับการใช้ระบบประสาทของมนุษย์ที่ตายไปนานมากแล้ว
แล้วทีนี้สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ถนัดข้างใดข้างหนึ่งเหมือนกับมนุษย์เราไหม ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เช่นกัน ที่สำคัญดูเหมือนว่าจะเก็บข้อมูลมาทำการวิเคราะห์วิจัยได้ยากกว่าเก็บข้อมูลในมนุษย์ เนื่องจากการทำกิจกรรมของสัตว์มันมาจากสัญชาตญาณ สัตว์ใช้ร่างกายข้างใดข้างหนึ่งพอ ๆ กัน เหมือนกับที่เราสามารถใช้มือซ้ายหรือมือขวาก็ได้ในการเปิดประตู แต่การเขียนหนังสือคือสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจว่ามนุษย์ถนัดมือข้างไหน แต่เราจับสัตว์มาเขียนหนังสือไม่ได้ จึงไม่หลักฐานว่าสัตว์ถนัดซ้ายหรือขวามากกว่ากัน ในขณะที่มนุษย์เราถนัดขวามากกว่าซ้ายอย่างชัดเจน
ทำให้ปัจจุบันเลยยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนสามารถฟันธงได้ชัดเจน ว่าความถนัดซ้าย-ขวาของมนุษย์นั้นเกิดจากอะไร คำถามที่ว่าทำไมเราถึงถนัดมือขวา ทำไมคนนั้นถนัดมือซ้าย หรือทำไมเราเป็นคนแปลกไม่กี่คนบนโลกที่ถนัดใช้ทั้ง 2 มือ คำตอบที่แท้จริงยังคงเป็นความลับของธรรมชาติต่อไป ที่อ้างถึงได้มีเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น