วัฒนธรรมการจิ้น กับอารมณ์ร่วมที่อินเกินจนล้ำเส้น

วัฒนธรรมการจิ้น กับอารมณ์ร่วมที่อินเกินจนล้ำเส้น

วัฒนธรรมการจิ้น กับอารมณ์ร่วมที่อินเกินจนล้ำเส้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับวัฒนธรรมการจิ้นที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ไม่ใช่แค่การจิ้นคู่จิ้นดารา นักแสดง ศิลปินสายวาย แต่หมายถึงการจิ้นโดยทั่วไปของกลุ่มแฟนคลับต่อบรรดาคนดัง ที่เราเห็นว่าเขาเคมีตรงกัน ดูเข้ากันดีได้ ก็ไม่แปลกที่จะจินตนาการถึงความสุขสมหวังที่ว่าหากเขาคบกันจริง ๆ หรือรักกันจริง ๆ ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร

การจิ้น เป็นการจินตนาการจับคู่คนนั้นคนนี้ที่เห็นว่าเคมีของเขานั้นเข้ากัน เพื่อสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม แต่ก่อนเราอาจได้ยินพระนางที่เล่นละครคู่กันจนโด่งดังว่า “คู่ขวัญ” แต่ทุกวันนี้ คู่ขวัญถูกพัฒนามาเป็นคู่จิ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ว่าความหมายของคู่ขวัญกับคู่จิ้นนั้นต่างกัน

ที่สำคัญ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคู่จิ้นหลายคู่เกิดจากการมโนที่เกินขอบเขต ล้ำเส้น จนทำให้ชีวิตคนดังหลายคนเดือดร้อน เพราะนำไปสู่การระรานชีวิตจริงของคนดัง

การจิ้น คือ การขับเคลื่อนทางเพศ

คนที่มีความสุขในการเสพสื่อบันเทิง และการจับดารา นักแสดง ศิลปินที่เคมีเข้ากันจิ้นกันนั้น จะเข้าใจดีว่าการจิ้นทำไปเพื่อสนองความฟินของตัวเอง การเห็นตัวละครสมหวัง หรือปรารถนาให้ความรัก (ที่อยู่ในละคร) สมหวัง อยากให้เขาลงเอยกัน ทำให้ตัวเราที่มองเข้าไปด้วยสายตาของผู้ชม หรือเป็นคนที่ลุ้นกับความรักของตัวละครมาตลอดรู้สึกสมหวังไปด้วย หลายคนพอละครจบแล้วไม่จบแค่นั้น ยังอินมาจิ้นต่อนอกจอ หากเห็นว่าเคมีของเขาทั้งคู่เหมาะสมกันหรือบางกรณี แค่เขาร่วมเฟรมถ่ายรูปคู่กัน ยังมีคนเห็นเคมีแล้วเอาไปจับจิ้นได้เลย

นี่เป็นข้อสังเกตเล็ก ๆ ที่ทำให้เห็นว่า การจิ้นสะท้อนถึงแรงผลักทางเพศได้ ด้วยการสืบพันธุ์เป็นความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด การมีแรงขับทางเพศจึงเป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิต (หากไม่ได้หมกมุ่นจนเกินไป) เพราะสิ่งมีชีวิตต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเองไม่ให้สูญพันธุ์ เหมือนกับการที่หลายบ้านชื่นชอบลูกชาย ที่สามารถแต่งสะใภ้เข้าบ้านได้ ดำรงวงศ์ตระกูลต่อได้ ผิดกับลูกสาวที่แต่งออกไปเข้าบ้านสามี บ้านที่มีแต่ลูกสาวจึงมีแนวโน้มที่จะสิ้นสกุล หากแต่งงานแล้วเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี และรุ่นหลานก็ไปใช้นามสกุลพ่อ

นั่นทำให้หลาย ๆ กรณี การจิ้นถูกมองไปที่เรื่องทางเพศเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากแค่สนองความฟินของตนเองเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือผิดธรรมชาติ แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ชอบทำอะไรคนเดียว จึงมักแสดงความต้องการจิ้นของตนเองสู่สาธารณะ พอรวมกันหลายคน ก็จะเกิดการฟินร่วมกัน การจิ้นดังกล่าว จึงกลายเป็นสังคมของที่มีรสนิยมเดียวกัน นำไปสู่การผสมโรง ออกแรงจิ้นจนเกินขอบเขต และทำให้ควบคุมความคิดกันได้ยากด้วย

การจิ้นที่เกินขอบเขต สายตาของคนนอกจะรู้สึกประดักประเดิด เวลาที่เห็นดารา นักแสดง ศิลปินหลาย ๆ คนพยายามเสิร์ฟความฟินให้บรรดาแฟนคลับ หรือแฟนคลับเรียกร้องให้ศิลปินเสิร์ฟความฟินแบบที่เกินเบอร์ไปเยอะมาก หลายครั้งเกิดภาพซ้ำ ๆ ว่าการแสดงออกแบบนี้เป็นการแสดงออกของความรัก ยิ่งแรงเท่าไรก็แปลว่ารักมาก หวงมาก หึงมาก คนดูก็เลยชอบใจ

การนำเสนอภาพเช่นนี้ ทำให้เรามองการคุกคามทางเพศเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ มองว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นแค่การแสดงความรัก (มาก) มองว่ามันไม่ใช่เรื่องผิด เวลาดูละครจึงต้องรอดูฉากเลิฟซีน รอฉากจูบเพราะพระเอกหึง รอฉากโยนลงเตียง ถ้าภาพนี้อยู่แค่ในมโนของคนดู มันอาจเป็นเพียงรสนิยม แต่ถ้าเอามาจิ้นนอกจอจนแยกไม่ได้ว่าเรื่องจริงเรื่องมโน ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง

เพราะความโรมานซ์ ความโรแมนติกในละคร ตรงกันข้ามกับความจริงโดยสิ้นเชิง ในชีวิตจริง สามีภรรยาที่มีอะไรกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจ ยังเอาผิดทางกฎหมายได้เลย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หากไปทำแบบนี้อาจถูกจับติดคุกเอาได้

ดังนั้น หากจะจิ้นก็ควรอยู่ในขอบเขตที่พอดี ไม่ใช่คลั่งไคล้จนเกินเบอร์ หรือหึงหวงจนดารา นักแสดง ศิลปินคนนั้นไม่สามารถร่วมงานกับใครได้เลย หรือลามไปจนถึงการคุกคามกับชีวิตส่วนตัว ราวีชีวิตคนรอบข้าง โดยปล่อยให้ความฟินไม่สุด หรือความฟินที่ไม่ได้ดั่งใจของตัวเองไปทำลายชีวิตของคนอื่น

อินเกินจนล้ำเส้น

ด้วยการจิ้นกันของคู่จิ้น ถูกนำเสนอไปในเรื่องทางเพศเสมอ พวกที่อินจนล้ำเส้นก็มีอยู่ไม่น้อย ขนาดเราหลายคนยังมองว่าการจิ้นที่สื่อไปในทางลามกอนาจารมันไม่โอเค ดารา นักแสดง ศิลปินที่โดนคุกคามแบบนั้นก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน นี่อาจดูเหมือนการคิดแทนคนอื่น แต่ถ้าพยายามมองตามความเป็นจริง ต้องมองว่าต่อให้เขาไม่พอใจ เขาจะแสดงสิ่งที่เขาคิดออกมาได้หรือเปล่า หากการแสดงออกส่งผลต่อหน้าที่การงาน

จึงต้องกลับมาพิจารณาว่าการจิ้นแบบที่อินจนเกินขอบเขตนี้มีผลด้านลบต่อสังคมและชีวิตของดารา นักแสดง ศิลปินอย่างไรบ้าง เพราะหากเขาไม่ชอบ ไม่เสิร์ฟความฟินให้แฟนคลับ ก็จะส่งผลกระทบต่องาน อาจโดนแบน ชื่อเสียงหายไป

หมายความว่า เราต้องเคารพชีวิตส่วนตัวของดารา นักแสดง ศิลปินด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่นี่ก็เป็นเพียงงานที่เขาทำ ท้ายที่สุดแล้วเขาจะมีชีวิตของเขา วันใดวันหนึ่งเขาจะออกไปใช้ชีวิตตัวเอง แต่งงาน มีลูก ไม่ได้อยู่กับความคาดหวังของแฟนคลับที่ต้องคอยเสิร์ฟความฟินให้ไปตลอดชีวิต

เพราะหลายครั้ง การจิ้นนั้นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เพราะเป็นการพยายามยัดเยียดและคุกคาม ยิ่งถ้าใครคนใดคนหนึ่งมีแฟนอยู่ก่อนแล้ว พอไปเล่นละครแล้วจับคู่กับคนที่เคมีเข้ากันได้ดี กลายเป็นว่าแฟนของฝ่ายนั้นโดนทัวร์ลง โดนด่าเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

ดังนั้น ถ้าอยากจิ้นใครก็จิ้นไปตามความสุขของตนเอง ตราบใดที่ไม่ได้ล้ำเส้น ไม่ได้ทำอะไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อดารา นักแสดง ศิลปิน ก็พอ

รักจริงห่วงจริง ห่วงสุขภาพจิตเขาบ้าง

จิตใจคนเราอ่อนไหวไม่เท่ากัน และแต่ละคนก็มีลิมิตการอดทนไม่เท่ากันด้วย เราอาจเห็นดารา นักแสดง ศิลปินหลายคนยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข แต่เบื้องหลังอาจเป็นการอดทนฝืนยิ้ม เพราะสุขภาพจิตกำลังติดลบอยู่ก็ได้ ที่ต้องอดทนฝืนเอาไว้ก็เพราะเป็นหน้าที่การงาน

ตัวอย่างง่าย ๆ ดารา นักแสดง ศิลปินบางคนแค่ไม่ยิ้มเวลาให้สัมภาษณ์ ยังกลายเป็นประเด็นว่าเขากำลังชักสีหน้าไม่พอใจสื่ออยู่หรือเปล่า อาจถูกจิกกัดว่าไม่มืออาชีพ ไม่มีสัมมาคารวะ ความนิยมลดลง เกิดมหกรรมขุดคุ้ยจองเวรชนิดกัดไม่ปล่อย เพราะฉะนั้น คงไม่ต้องหวังให้เขาออกมาพูดตรง ๆ ว่าเขาไม่พอใจกับการถูกยัดเยียดกระแสการจิ้นเพื่อการค้า

ต้องเข้าใจว่าอาชีพดารา นักแสดง ศิลปิน เป็นอาชีพที่แบกรับความคาดหวังและเงื่อนไขของสังคม พวกเขาต้องสมบูรณ์แบบเพื่อสนองตอบความคาดหวังของแฟน ๆ หากทำอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจแฟนคลับ แฟนคลับบางกลุ่มอาจกลายเป็นแอนตี้แฟนไปเลย จากนั้นจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม จากชื่นชอบเป็นกล่าวโทษ จากชื่นชมเป็นทำลายชื่อเสียง และทำลายหน้าที่การงาน

ตรรกะที่ว่าถ้าเขาไม่พอใจ เขาคงออกมาพูดตรง ๆ คงจะใช้ไม่ได้กับทุกคน ท่ามกลางความชื่นชมจากคนกลุ่มหนึ่ง ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองด้วยสายตาของความเกลียดชัง รอวันล้มแล้วเหยียบซ้ำ เพื่อสนองความสะใจส่วนตัว

การที่เรามีความสุขกับการจิ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา ฝ่ายดารา นักแสดง ศิลปินอาจไม่สนุกด้วย เตือนตัวเองไว้เสมอว่าการติดอยู่ในจินตนาการ มันทำให้เรามีความสุขแบบที่เราอยากให้เป็น แต่ถ้ามากเกินไป อะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น แยกให้ออกว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเรื่องมโน แล้วแยกด้วยว่าชีวิตของดารา นักแสดง ศิลปิน เป็นของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปคุกคาม

อย่าให้ดารา นักแสดง หรือศิลปินที่เรารัก ต้องรู้สึกว่าสิ่งที่ทำออกสื่ออยู่นั้นเป็นสิ่งที่ฝืนทำ อะไรที่ฝืนชีวิตก็ไม่มีความสุข และถ้าชีวิตไม่มีความสุข ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เมื่อนั้นจอมจิ้นเกินเบอร์ทั้งหลายคงจะฟินกันไม่ลง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook