ความจริงของชีวิต 7 ข้อที่ต้องยอมรับให้ได้ แม้ว่ามันจะยากก็ตาม
ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าคุณคิดจะอ่านบทความเรื่องนี้โดยคาดหวังว่าเราจะปลอบคุณว่า “ทำใจให้สบาย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” บอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะบรรทัดต่อจากนี้ คือ เรื่องราวความจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้ ความจริง 7 ประการ ที่คุณต้องรับให้ได้ ไม่ว่ามันจะทำใจยากแค่ไหนก็ตาม
1. คุณต้องยอมรับข้อบกพร่อง และความผิดพลาดในชีวิตของตัวเองให้ได้
ถ้าคุณคิดว่าที่ผ่านมาคุณมีข้อบกพร่องที่ก่อให้เกิดเรื่องผิดพลาดในชีวิตเอาไว้ และคุณไม่กล้าที่จะเผชิญกับความจริง วิ่งหนีความผิดพลาดที่ตนเองก่อไว้ แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังคงตามหลอกหลอน ตามกวนใจคุณอยู่ตลอดเวลา วิธีเดียวที่จะแก้ไขได้ คือ คุณต้องยอมรับก่อนว่าตนเองมีข้อบกพร่อง และไม่มีใครช่วยแก้ไขให้คุณได้นอกจากตัวคุณเอง เมื่อยอมรับข้อบกพร่องของตัวเองได้ คุณก็จะเห็นว่าต้องแก้ไขตรงไหน และนั่นคือวิธีที่คุณจะกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของคุณได้ อย่าวิ่งหนีจากความจริง เพราะความจริงนั้นจะอยู่กับคุณไปจนตาย
2. ความสมบูรณ์แบบไม่มีบนโลกใบนี้
ถ้าคุณคิดว่า ต้องรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง ดังเช่น ที่บางคนบอกว่ารอให้พร้อมแล้วค่อยลงมือทำในสิ่งที่อยากทำ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ต้องรอ ก็สามารถลงมือทำได้เลย เพราะถ้าคุณบอกว่า ต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เวลาแบบนั้นไม่มีอยู่จริง และคุณต้องรอไปจนกระทั่งสายเกินไปที่จะเริ่มต้นได้ เวลาในชีวิตนั้นสั้นนัก โอกาสผ่านมาแล้วก็ไปถ้าคุณยังคงรอ คุณก็จะไม่มีทางได้ฉวยโอกาสไว้กับตนเองได้เลย
บางคนรอเพราะกลัวว่าจะล้มเหลว อันที่จริงแล้วความล้มเหลว คือ ประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง และถึงแม้จะล้มเหลวพวกเขาก็ได้ลงมือทำแล้ว และรู้ว่าครั้งต่อไปจะต้องแก้ไขอย่างไร ดีกว่าคนที่ไม่ลงมือทำอะไรเลยเพราะกลัวล้มเหลว
3. ความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งที่เราต้องเจอในชีวิต
ถ้าคุณมีชีวิตอยู่แล้วบอกว่า ตนเองนั้นไม่เคยผิดพลาดหรือล้มเหลวอะไรเลย แสดงว่าทั้งชีวิตของคุณนั้นไม่เคยทำอะไรอย่างแท้จริง เพราะการมีชีวิตอยู่นั้น ความล้มเหลวหรือความผิดพลาดเป็นสิ่งที่มาคู่กัน มากหรือน้อยก็แล้วสติปัญญาและประสบการณ์ของแต่ละคนว่าจะตั้งรับอย่างไร คุณอาจตัดสินใจผิดพลาด คุณอาจเลือกคู่เดทที่ไม่เหมาะสม หรือคุณอาจทำลายโอกาส เพราะความหุนหันพลันแล่นของตนเอง ทั้งหมดนี้คือสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ต้องตีอกชกตัวไปว่าโลกซ้ำเติมฉัน เพราะเรื่องผิดหวังจะเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่จะอยู่กับพวกเราไปในทุกช่วงวัย
4. อะไรที่แล้วไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันแล้วไป
หลายคนที่อยากกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่ชีวิตมันไม่ได้มีโอกาสให้กับเราได้ขนาดนั้น ดังนั้น อะไรที่แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคิดย้อนกลับไปแก้ไขอดีต เอาประสบการณ์เลวร้ายออกไปจากความทรงจำและเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นใหม่ จากความผิดพลาดในอดีต จงวางแผนที่จะเดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้นพอ
5. สิ่งที่คุณมีอยู่ในเวลานี้คือปัจจุบันเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งโหยหาอดีต และกังวลต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขอให้จงคิดถึงแต่ชีวิตในปัจจุบัน จงใช้ชีวิตในทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของคุณเอง ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน ทำให้เต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่า คุณจะไม่เสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไร ถ้าคุณตายไปในวันพรุ่งนี้ จำเอาไว้เสมอว่า ชีวิต คือ การได้เจอสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ
6. มันมีความแตกต่างกันระหว่างคำว่า ทำงานหนัก และทำงานอย่างชาญฉลาด
เรามักจะเจอคนที่มักพูดถึงการทำงานอย่างหนัก เกทับกันด้วยชั่วโมงทำงานว่า ใครเหนือกว่ากัน เวลาเจอคนพวกนี้แล้ว คุณลองถามเขาให้ลึกถึงเนื้องาน คุณจะเห็นว่าหลายคนที่ใช้เวลาทำงานหลายชั่วโมงนั้น ต่างใช้เวลามากจนเกินไปกว่าที่งานจะเสร็จ เพราะถ้าเขาใช้เวลาทำงานด้วยความตั้งใจจริง งานจะเสร็จได้เร็วกว่าที่พวกเขาพูดไว้อย่างแน่นอน เมื่อคิดจะทำงานอย่างชาญฉลาด จงจัดระเบียบการทำงานของตนเอง เรียบลำดับความสำคัญเพื่อให้เป็นงานที่ใช้สมอง มากกว่าใช้แรงงาน
7. คุณหาเวลาให้กับตัวเองได้เสมอถ้าคุณต้องการ
ยุคสมัยนี้เรามักได้ยินคำว่า ยุ่งจนหาเวลาว่างไม่ได้ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว คุณสามารถหาเวลาให้กับตัวเองได้ตลอดเวลาถ้าคุณต้องการจริง ๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว คุณเสียเวลาหนึ่งวันในชีวิตไปกับเรื่องที่ไม่ควรเสียไปในหลายเรื่อง อาทิ คุณสามารถนั่งเล่นโทรศัพท์ได้นานเกือบสองชั่วโมง แต่คุณบอกว่าคุณไม่มีเวลาออกกำลังกาย เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ในหนึ่งวันนั้นคุณมีเวลาเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับตนเองเพียงแต่คุณไม่พยายามเท่านั้นเอง