สรุป Tense ทั้ง 12 ใช้ยังไง โครงสร้างประโยคของแต่ละ Tense เป็นอย่างไรบ้าง
ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา) โดย ถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่ Present (ปัจจุบัน), Past (อดีต) และ Future (อนาคต) ซึ่งทั้ง 3 ช่วงเวลาที่กล่าวมานี้ ในแต่ละช่วงเวลานั้นยังถูกแบ่งออกตามลักษณะของเหตุการณ์ได้อีก ช่วงเวลาละ 4 แบบ คือ
- Simple : เรียบง่าย
- Continuous : ต่อเนื่อง (กำลังทำ)
- Perfect : สมบูรณ์
- Perfect Continuous : สมบูรณ์และต่อเนื่อง
การใช้ Tense ทั้ง 12
1. Present simple tense
โครงสร้างประโยค คือ S + V
- ใช้พูดถึงความจริง(ทั้งที่เกี่ยวกับตัวเรา และความจริงตามธรรมชาติ)
I live in Bangkok. = ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพ - ใช้พูดถึงความชอบ ความคิดเห็น
She likes spicy food. = เธอชอบอาหารรสจัด - ใช้พูดถึงตารางเวลา
The library closes at 7 p.m. = ห้องสมุดปิดตอนหนึ่งทุ่ม
2. Present continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + is/am/are + V.ing
- ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือในช่วงเวลานี้ของชีวิต
I am studying Japanese. = ฉันกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ - ใช้พูดถึงอนาคตอันใกล้ที่เกิดขึ้นแน่นอน
I am flying to South Korea tomorrow. = ฉันกำลังจะไปเกาหลีใต้พรุ่งนี้
3. Present perfect tense
โครงสร้างประโยค คือ S + have/has + V.3
- ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ระบุช่วงเวลาที่แน่นอนไม่ได้ (ไม่เน้นเวลาที่แน่นอน)
I have met him before. = ฉันเคยเจอเขามาก่อน - ใช้เล่าถึงสิ่งที่เคยทำมา ประสบการณ์ที่ผ่านมา สถานที่ที่เคยไปมา
I have been to South Korea. = ฉันเคยไปเกาหลีใต้ - ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
I have had several tests this month. = ฉันมีสอบหลายตัวเลยเดือนนี้ - ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมา และเพิ่งเสร็จหรือเพิ่งจบลง (และเหตุการณ์นั้นอาจส่งผลต่อปัจจุบัน)
l have washed the car. = ฉันล้างรถเสร็จแล้ว
4. Present perfect continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + have/has + been + V.ing
- ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และในขณะที่พูดเหตุการณ์นั้นก็ยังไม่จบ ยังดำเนินอยู่ (เน้นมากว่ายังดำเนินอยู่)
She has been sleeping for 4 hours. = เธอหลับมา 4 ชั่วโมงแล้ว (ขณะนี้ก็ยังคงหลับอยู่)
It has been raining for 3 hours. = ฝนตกมา 3 ชั่วโมงแล้ว (ตกไม่หยุดเลย)
5. Past simple tense
โครงสร้างประโยค คือ S + V.2
- ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นแล้วก็จบ เป็นเหตุการณ์สั้นๆ ที่มีการระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ด้วย
I was in South Korea in 2019. = ฉันอยู่ที่เกาหลีใต้ในปี 2015
หมายเหตุ : past simple tense และ Present perfect tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ past simple tense ระบุวันเวลาที่เกิดเหตุการณ์ได้ แต่ Present perfect tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เราไม่รู้เวลาที่แน่ชัด
6. Past continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + was/were + V.ing
- ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ในอดีต
We were playing football yesterday at 10.00. = พวกเรากำลังเล่นฟุตบอลเมื่อวานตอน 10 โมง - ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมๆกัน ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ในอดีต
My dad was exercising while my mom was sunbathing. = พ่อของฉันกำลังออกกำลังกายในขณะที่แม่ของฉันกำลังอาบแดดอยู่ - ใช้พูดถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอดีต โดยเหตุการณ์แรกเป็นเหตุการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้น แล้วเหตุการณ์ที่สองก็แทรกขึ้นมา โดยเหตุการณ์แรกนั้น คือ past continuous tense ส่วนเหตุการณ์ที่สองที่แทรกมานั้น เป็น past simple tense
I was having breakfast when someone came to my home. = ฉันกำลังกินอาหารเช้า ตอนที่มีใครมาที่บ้าน
7. Past perfect tense
โครงสร้างประโยค คือ S + had + V.3
- ใช้พูดถึงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในอดีต โดยเหตุการณ์แรกเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและดำเนินมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วจบลง จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่สองตามมา (เหตุการณ์แรกนั้น คือ past perfect tense ส่วนเหตุการณ์ที่สองที่เกิดขึ้นตามนั้น เป็น past simple tense)
I had worked for 8 hours before Emma arrived. = ฉันทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ก่อนที่เอ็มม่าจะมา
8. Past perfect continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + had been + V.ing
- ใช้เหมือนกันกับ past perfect tense แต่เน้นมากๆว่าเหตุการณ์แรกนั้น เกิดขึ้นและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แล้วจบลงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่สองตามมา (เหตุการณ์แรกนั้น คือ past perfect continuous tense ส่วนเหตุการณ์ที่สองที่เกิดขึ้นตามนั้น เป็น past simple tense)
I had been working for 4 hours before Emma arrived. = ฉันทำงานอย่างต่อเนื่องมานาน 4 ชั่วโมง ก่อนที่เอ็มม่าจะมา
9. Future simple tense
โครงสร้างประโยค คือ S + will + V.1
- ใช้พูดถึงอนาคต เป็นการคาดเดา หรือ จากความรู้สึก
I will pass the exam. = ฉันต้องสอบผ่าน - ใช้พูดถึงการตัดสินใจในทันที ว่าจะทำอะไร
I will go home before it rains. = ฉันจะกลับบ้าน ก่อนที่ฝนจะตก
10. Future continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + will + be + V.ing
- ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แน่ๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
When you arrive, I will be swimming. = ตอนที่คุณมาถึง ฉันคงกำลังว่ายน้ำอยู่
11. Future perfect tense
โครงสร้างประโยค คือ S + will + have + V.3
- พูดถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น(อาจเกิดขึ้นเมื่อ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ )และดำเนินต่อไป เพื่อที่จะไปจบในอนาคตแน่นอน หรือก่อนจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในอนาคต (เน้นว่าไปจบในอนาคต และเน้นการบอกจุดจบ)
They will have finished the work by next week. = พวกเขาจะเสร็จสิ้นการทำงานภายในสัปดาห์หน้า
12. Future perfect continuous tense
โครงสร้างประโยค คือ S + will have been + V.ing
- พูดถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น และบอกได้ว่าต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ กี่ปี กี่เดือน กี่วัน (คือรู้จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ อาจเริ่มมาจาก อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต) แล้วเหตุการณ์นั้นจะไปจบลงในอนาคต หรือก่อนที่จะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
He will have been living here for three years next month. = เขาคงจะอาศัยอยู่ที่นี่มาครบ 3 ปีแล้วในเดือนหน้า