เมื่อความรักแบบ “รักง่าย หน่ายไว” เป็นเรื่องปกติธรรมดา

เมื่อความรักแบบ “รักง่าย หน่ายไว” เป็นเรื่องปกติธรรมดา

เมื่อความรักแบบ “รักง่าย หน่ายไว” เป็นเรื่องปกติธรรมดา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“รักง่าย หน่ายไว” ดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วในสังคมยุคใหม่ ที่ทั้งหญิงและชายได้พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่กลายเป็นเรื่องอ่อนไหว เราได้เห็นคู่รัก คู่แต่งงาน ที่คบกันได้ไม่นานก็ต้องประกาศแยกทาง แม้ว่าบางคู่จะมีลูกด้วยกันแล้ว ก็สามารถเลิกได้ เพื่อไปหาคนที่ถูกใจกว่า

ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ความรัก การแต่งงาน และการใช้ชีวิตคู่ หมายถึง การสร้างครอบครัวและพร้อมจะเผชิญทุกปัญหาไปด้วยกัน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป สังคมมีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้คนในสังคมก็เปลี่ยนตาม และนี่คือเหตุผลบางประการที่น่าจะทำให้คู่รักยุคใหม่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ยั่งยืนเหมือนเช่นในอดีต

1. ความรักยุคใหม่ ต่างคน ต่างเอาแต่ใจตัวเอง

การอยู่ด้วยกันสองคน หมายถึง การที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องลดความเป็นตัวของตัวเองลงมา และหันไปทำความเข้าใจ เสียสละ หรือประนีประนอมกับคนรักให้มากขึ้น แต่เมื่อความรักยุคใหม่ มุ่งไปที่ความพึงพอใจของตนเอง อยากได้ต้องได้ และไม่ต้องการทำอะไรที่ซับซ้อน ถ้าไม่ได้ดังใจก็แค่เลิกรากันไป จึงเป็นเหตุผลแรก ๆ ที่ทำให้อายุของความรักยุคใหม่นั้นแสนสั้น

2. บางครั้งความรักในยุคนี้ ไม่ได้หมายถึงรักแท้

หลายคนให้เหตุผลของความต้องการมีแฟนว่า เพราะอยากได้เพื่อนไว้อยู่เคียงข้างกันในยามเหงา มีคนรักไปกินข้าวไปดูหนัง ควงไปปาร์ตี้ เพื่อไม่ให้เพื่อนล้อว่า เป็นคนโสด เมื่อเราหาคนรักแบบนั้น ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้หาความรัก เราแค่หาคนมาเติมความว่างเปล่าที่ไม่มีทางจะถมได้เต็มในชีวิตเรา และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่า ความสัมพันธ์จะมีแต่ร่วมสุข ไม่ยอมร่วมทุกข์ด้วย สุดท้ายแล้ว ก็ต้องแยกกันไปทางใครทางมัน

3. หลายคนที่รักเผื่อเลือก

ยุคสมัยที่สามารถให้กำเนิดคำว่า “กิ๊ก” ที่มีความหมายว่า “มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน” ดูจะเป็นยุคสมัยที่ผู้คนต่างแสดงความโลภในความสัมพันธ์ โดยใช้เหตุผลว่า เป็นการเปิดโอกาสให้กับตนเอง เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ทั้งที่ในความจริงแล้ว คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ลักษณะนี้ ไม่เคยที่จะศึกษาใครจริงจัง หรือคบใครอย่างจริงจัง เมื่อพบคนที่ดีกว่าก็จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ

4. คนยุคนี้กลัวที่จะสร้างความสัมพันธ์

นี่คือ ยุคสมัยที่ผู้คนกลัวที่จะตกหลุมรักใครสักคนอย่างจริงจัง กลัวที่จะให้คำมั่นสัญญา กลัวที่จะผิดหวังจากความรัก กลัวที่จะอกหัก ทั้งหมดนี้เลยทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ความรักที่ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นแค่การสร้างความพึงพอใจให้แก่กัน หากแต่ลึก ๆ ลงไปแล้วต่างฝ่ายต่างปิดกั้นความรู้สึกภายในเอาไว้

5. ยุคสมัยที่เราเอาความรักกับเซ็กส์มารวมเป็นเรื่องเดียวกัน

“ความรักกับเซ็กส์” นั้น เป็นคนละเรื่องเดียวกัน สมัยก่อนความรักจะนำมาซึ่งแรงปรารถนาของชายและหญิง แต่ในปัจจุบัน แรงปรารถนาของชายและหญิงสามารถเกิดขึ้นได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนในร้านเหล้า หลังจากนั้น ค่อยมาตัดสินใจกันต่อว่า จะคบหากันต่อไปหรือไม่ และเมื่อ “เซ็กส์” กลายเป็นเรื่องง่าย ความซื่อสัตย์ในชีวิตคู่ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ยุคสมัยนี้จะมีความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “Friend with benefit” อันหมายถึง การคบหากันแบบเพื่อนที่สามารถมีเซ็กส์กันได้ แต่ไม่ได้รักกันแบบแฟน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook