สัญญาณจากเพื่อนร่วมงานที่แสดงว่าไม่มีใครอยากคบคุณ!

สัญญาณจากเพื่อนร่วมงานที่แสดงว่าไม่มีใครอยากคบคุณ!

สัญญาณจากเพื่อนร่วมงานที่แสดงว่าไม่มีใครอยากคบคุณ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในที่ทำงาน คนทำงานส่วนใหญ่มักจะต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งทีมงานที่ต้องมาจับกลุ่มทำงานด้วยกันนั้นก็มีหลากหลาย นานาจิตตัง ต่างจิต ต่างใจ ต่างความคิดเห็น แต่เมื่อต้องทำงานร่วมกันก็ต้องปรับตัวและช่วยกันทำงาน ถึงกระนั้น แทบจะทุกทีมก็ย่อมมีเพื่อนร่วมทีมที่ไม่น่ารักแทรกตัวอยู่ทั่วไปเป็นธรรมดา

แรกเริ่มเดิมที ในช่วงเวลาที่คนในทีมยังไม่รู้จักกันดีเท่าที่ควร ต่างคนต่างก็มองว่าอีกคนน่ารักไปหมด ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ค่อยพูดค่อยจา ให้อภัยกันได้ แต่พอนานไป ลายเริ่มออกชัดเจนว่าการทำงานเป็นอย่างไร (รวมถึงนิสัยส่วนตัวด้วย) ก็พาลให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เอือมระอาที่จะร่วมงานด้วย และบางทีเราอาจจะไม่รู้ว่าตัวว่าเรานี่แหละที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารักเสียเอง และเมื่อต้องตกอยู่ในสถานะที่เพื่อนร่วมงานไม่คบค้าสมาคมด้วย ก็อาจทำให้การทำงานของเรายากลำบากขึ้น

ฉะนั้นแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครในที่ทำงานคบ ลองมาเช็กลิสต์สัญญาณเตือนเหล่านี้กันดูหน่อยดีกว่า ว่าคุณเป็นบุคคลที่เพื่อนร่วมงานไม่อยากจะคบหาหรือเสวนาด้วยหรือเปล่า! ถ้าเข้าข่ายตามนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ไม่มีใครอยากจะร่วมทีมด้วย

เวลาที่มีงานชิ้นใหม่ให้ต้องรับผิดชอบ มักจะมีการประชุมทีมก่อนเสมอ ถ้าคุณเริ่มจับอาการของเพื่อนร่วมทีมได้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจจะบอกเรื่องการประชุมให้คุณรู้เท่าไร ที่บอกเหมือนเป็นหน้าที่ ทั้งยังพยายามตีตัวออกห่างจากคุณให้มากที่สุดเท่าที่ใด ๆ ก็ตามจะอำนวย หรือต่อให้มีคุณอยู่ในทีม คุณก็สัมผัสได้ว่าคุณไร้ตัวตน เช่น พวกเขาพร้อมที่จะทักทายคนอื่น ๆ ในทีมยกเว้นคุณ ภาษากายของแต่ละคนก็แสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ได้อยากให้มีคุณอยู่ในทีม หรือไม่อยากมอบหมายงานให้ทำ ก็พอจะสื่อได้ว่าคุณอาจเป็น “ตัวปัญหา” ที่ไม่มีใครอยากร่วมงานด้วยนั่นเอง

ไม่มีใครขอความเห็นประกอบการตัดสินใจ

หากมีงานสำคัญที่ต้องพึ่งข้อมูล ความคิดเห็น หรือการตัดสินใจร่วมกันของคนในทีม แต่กลับไม่มีใครสนใจที่จะถามความเห็นจากคุณ หรือไม่ได้ต้องการให้คุณมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้น ๆ การประชุมทีมก็ไม่ได้มีชื่อคุณอยู่ในนัดหมาย จนทำให้คุณรู้สึกน้อยอกน้อยใจว่าไม่เห็นได้มีส่วนร่วมในทีมเลย ขอให้รู้ไว้ว่าพวกเขามองว่าคุณไม่ได้มีประโยชน์ต่อทีมสักเท่าไร มีก็เหมือนไม่มี (ฉะนั้นไม่มีน่าจะดีกว่า) พวกเขารู้ว่าไม่สามารถหยิบจับประโยชน์อะไรจากคุณมาใช้ได้เลย นั่นก็แสดงว่าคุณเริ่มที่จะถูกเพื่อนร่วมงานปฏิเสธเข้าแล้ว!

ไม่มีใครโต้แย้งหรือวิจารณ์ความคิดเห็น

การทำงานเป็นทีม ไม่มีทางที่ความเห็นของคนทุกคนจะตรงกันหมดเสมอไป และเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็มีการโต้แย้งกันด้วยเหตุผลเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งถ้าไม่มีใครพูดหรือโต้แย้งแสดงความคิดเห็นของคุณ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าความคิดของคุณเพอร์เฟคจนพวกเขาเห็นดีเห็นงามหรือมองว่าถูกต้องเสมอไป เพราะจริง ๆ แล้ว พวกเขาอาจจะกำลังรู้สึกว่าความคิดเห็นของคุณมันตื้นเขินเกินกว่าจะนำมาเป็นประเด็นในการถกเถียงกันในที่ประชุม แล้วก็เลยมองว่าการโต้เถียงกับคุณเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์จนไม่อยากจะเสียเวลาด้วยมากกว่า

ไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือและให้ความช่วยเหลือ

สังคมการทำงาน เป็นสังคมที่ทุกคนอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยและได้ประโยชน์ร่วมกัน เราช่วยเขา เขาช่วยเรา เป็นวงจรแบบนี้ แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้วเขาอิดออด ดูเกร็ง ๆ เอือม ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใส่ใจกับปัญหาของคุณเหมือนที่เคย หรือช่วงหลัง ๆ มาไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือจากคุณเลย อย่าคิดว่าก็ดีสิจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ลองดูให้ดี ๆ ว่าคนอื่นเขาก็ยังช่วยเหลือกันและกันตามปกติ แบบนี้ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หรือที่เขาไม่เข้ามาสุงสิงด้วยก็เพราะว่าคุณดูไร้ประโยชน์ เป็นตัวปัญหาหรือเปล่า

ไม่มีใครสนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์

ปกติแล้วคนทำงานออฟฟิศเดียวกัน ทีมเดียวกัน ทำงานด้วยกันทุกวันก็ย่อมต้องสนิทกันประมาณหนึ่ง แต่ถ้าคุณมาคิด ๆ ดูแล้วคุณไม่สนิทกับใครเลย เวลาพูดด้วยเขาก็จะตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ แบบไม่ค่อยอยากคุยด้วย ไม่ถามไถ่ทักทายเป็นการส่วนตัว คุยเรื่องงานก็ส่งเป็นข้อความมากกว่าจะเข้ามาคุย ไม่มีใครชวนไปไหน แบบว่าแต่ละคนค่อย ๆ ถอยห่าง ในขณะที่กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ก็ดูว่ายังรักใคร่สามัคคีกันดี ก็ควรต้องรู้ตัวเองแล้วไหมว่ากำลังถูกเมิน สัญญาณนี้คือแทบไม่มีใครอยากจะหยิบยื่นมิตรภาพให้คุณแล้ว เพราะแค่เรื่องงานก็กล้ำกลืนพอทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook