ระวัง “รักล่ม” หากคุณเอาเรื่องงานไปลงที่แฟนเป็นประจำ

ระวัง “รักล่ม” หากคุณเอาเรื่องงานไปลงที่แฟนเป็นประจำ

ระวัง “รักล่ม” หากคุณเอาเรื่องงานไปลงที่แฟนเป็นประจำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหาเรื่องงาน เป็นปัญหาที่คนวัยทำงานทุกคนย่อมเคยเจอ ซึ่งปัญหานี้ก็แบ่งยิบย่อยได้สารพัด ทั้งปัญหาเนื้องาน ปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ปัญหากับหัวหน้า ปัญหากับลูกน้อง ปัญหากับลูกค้า กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ถ้าเกี่ยวกับงานย่อมเป็นปัญหาได้หมด โดยที่แต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ปัญหาต่างกันไป บางคนเคลียร์ให้จบ ๆ ตรงนั้น บางคนเก็บความคับข้องใจมาปรับทุกข์กับเพื่อน และก็มีไม่น้อยที่นำมาระบายกับ “แฟน”

อันที่จริง การนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาปรับทุกข์หรือระบายให้คนรักฟังก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากคุณไว้ใจและต้องการกำลังใจจากแฟนของคุณ ทว่าหลายคนก็ไม่มีลิมิต เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัวมั่วไปหมด จนเรื่องงานมันเข้ามาแทรกอยู่ตรงกลางความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณเองและคนอื่น ๆ รอบตัว พวกเขาต่างเข้าใจว่าคุณเครียดกับงาน แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเป็นพวกเขาที่มารองรับอารมณ์ร้าย ๆ และความคิดลบ ๆ จากคุณอยู่เสมอ ต่อให้รักและเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน แฟนคุณก็มีความรู้สึกเหมือนกัน และความอดทนก็มีจำกัด

เมื่อถึงจุดที่อีกฝ่ายไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หลายต่อหลายคู่ถึงกับต้องยุติความสัมพันธ์ (คุณก็ต้องยอมรับด้วยว่าทำไมเขาถึงไม่ทน) หากคุณมีแฟนและคุณเองก็มักจะทะเลาะกับแฟนเป็นประจำ โดยมีเรื่องอะไรก็ตามเกี่ยวกับงานเป็นชนวนของการโต้เถียง คุณต้องระวังให้มาก ถ้าไม่อยากให้รักพัง ถ้าคุณไม่แคร์ก็ไม่เป็นไร แต่คุณควรอยู่คนเดียว คนอื่นไม่จำเป็นต้องมารองรับความเครียดของคุณ หรือให้คุณทำร้ายจิตใจ ทั้งที่พวกเขาก็มีความเครียดของตัวเองเหมือนกัน

แฟนคุณไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์

เวลาที่คุณเครียด เมื่อคุณเจอคนอื่น ๆ คุณอาจจะอารมณ์เสียใส่พวกเขาโดยไม่รู้ตัว ในเวลานั้นคุณอาจจะกำลังอารมณ์เสียเรื่องงานมา จากนั้นก็นัดกินข้าวกับแฟน แต่ด้วยความที่คุณหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด และคุณก็ระเบิดอารมณ์ใส่แฟนตัวเอง ตั้งแต่ก่นด่าคนที่ทำงานให้ฟัง บ่นว่าทำงานไม่ทัน แก้ปัญหางานไม่ได้ พูดแต่เรื่องลบ ๆ ออกมาทั้งที่บรรยากาศมันควรจะดี คุณก็ทำเสียเรื่องหมด ฉะนั้น หยุดก่อน แฟนของคุณไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์โมโหของคุณ อยากระบายก็พูดดี ๆ ไม่ต้องขึ้นเสียงหรือหน้านิ่วคิ้วขมวด มันทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เหมือนกัน

คุณทำงานแฟนคุณก็ทำงาน

เข้าใจว่าเวลาคุณเครียดเรื่องงานมา คุณย่อมอยากหาปรับทุกข์ระบายความในใจ ต้องการคนที่ไว้ใจได้ เป็นผู้ฟังที่ดี ให้คำแนะนำ และก็ให้กำลังใจ ซึ่งถ้ามีคนรัก คนส่วนใหญ่ก็จะเล่าให้คนรักฟัง หากคุณพูดดี ๆ น้ำเสียงปกติ พวกเขาก็ยินดีรับฟัง แต่คุณเองต้องระวังด้วยว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่มีเรื่องงานให้เครียด ถ้าแฟนคุณก็เป็นคนทำงาน เขาหรือเธอก็อาจจะเครียดเรื่องงานอยู่ก็ได้ คนรักกันคือคนที่แชร์ทุกข์สุขกัน พวกเขาอยากเจอคุณให้สบายใจ แต่คุณเอาเรื่องเครียดมาลงที่พวกเขาทุกครั้ง แถมยังเปิดฉากโดยไม่ถามสักคำว่าแฟนคุณโอเคไหม สภาพจิตใจเป็นอย่างไร

พาลใส่เหวี่ยงใส่ไร้เหตุผล

เมื่อคุณเครียด คุณอาจแสดงพฤติกรรมรุนแรงแตกต่างไปจากนิสัยปกติ ไม่ว่าใครจะพูดจะทำอะไรก็ไม่เข้าหูไม่ไปซะทุกเรื่อง แม้กระทั่งความห่วงใย คุณก็มองข้าม จากนั้นก็เริ่มพาล โวยวาย เหวี่ยงใส่จนเขาหรือเธอตกใจ แย่กว่านั้นคือการทำลายข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ หรือถึงขั้นลงไม้ลงมือแบบคนสติแตก ยิ่งทำให้แฟนของคุณเห็นว่าคุณอารมณ์ร้อน ควบคุมตนเองไม่ได้ และไม่มีเหตุผล ไม่เปลี่ยนโหมดเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวยังพอทน แต่ถึงขั้นแสดงความรุนแรง หากคบกันต่อ อนาคตคุณจะหนักข้อขึ้นหรือเปล่า รักแค่ไหน เจอแบบนี้บ่อย ๆ ก็ไม่มีใครทนหรอกนะ

ยุ่งมากเหลือเกินจนไม่มีเวลาเหลือให้กันเลย

เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อคุณทำงานหนัก ยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้แฟนเลย แฟนบางคนก็เข้าใจดี บางคนพยายามเข้าใจ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่เข้าใจ หรือบางสถานการณ์มันค่อนข้างชัดเจนว่าคุณใช้คำว่าไม่ว่างมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธแฟน ซึ่งนั่นก็อาจเป็นชนวนที่ทำให้ทะเลาะกันได้ตลอด คนรักกัน ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องหาเวลามาให้กันจนได้ แม้ไม่เจอหน้า อย่างน้อยก็โทรศัพท์คุยกัน แชตคุยกันก็ยังดี บอกรักและแสดงให้เห็นว่าเขาหรือเธอยังสำคัญสำหรับคุณ ทำอะไรอยู่ก็บอกให้รู้หน่อยไม่ใช่ปล่อยให้รอแล้วคิดเองเออเอง มันเสียความรู้สึกและก็น่าโมโหมากด้วย

ต้องทนฟังเรื่องที่ไม่เข้าใจ

ทุกครั้งที่คุณนำเรื่องงานมาปรับทุกข์กับแฟน ถ้าคุณกับแฟนทำงานกันคนละสายงาน หลาย ๆ เรื่องก็เข้าใจไม่ตรงกัน หรือแฟนคุณอาจจะไม่เข้าใจเลยก็ได้ แต่เพราะเขาหรือเธออยากให้คุณได้ระบายความเครียดจึงทนฟังไม่รู้เรื่องด้วยแต่ก็พยายามเข้าใจ สิ่งที่คุณต้องระวังคือไม่ใช่ว่าเจอหน้าแฟนทีไรจะต้องบ่นเรื่องงานให้ฟังเสมอ ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น ไม่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แล้วคุณก็รับบทพูดไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าแฟนของคุณจะเป็นผู้ฟังที่ดีและให้กำลังใจคุณเสมอ ก็ใช่ว่าทุกคนจะทนได้ตลอดไป คุณไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา แถมยังไม่มีมารยาทในการสนทนาด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook