คิดดีแล้วใช่ไหม! ที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม
จะว่าไป มีคู่รักหลายคู่ที่เลิกรากันไปแล้วแต่ก็ยังตัดกันไม่ขาด ทั้งคู่ต่างยังวนเวียนอยู่ในชีวิตกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะความจำเป็นหรือเพราะต่างฝ่ายต่างตั้งใจที่จะมีตัวตนในชีวิตของอีกฝ่าย เพื่อที่ขอแค่ยังเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ดีกินดี และแน่นอนมันคงมีความคิดชั่ววูบขึ้นมาบางเวลาว่า “คงจะดีถ้าได้กลับไปรักกันใหม่”
เหตุผลก็ง่าย ๆ เลย เพราะลึก ๆ คุณยังมีความรู้สึกรักหรือรู้สึกดี ๆ กับอีกฝ่ายอยู่ รวมถึงความเสียดายที่ในเวลานั้น เราทั้งคู่ต่างมีโอกาสที่จะได้ทำอะไรเพื่อกันและกันมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ จนกระทั่งความสัมพันธ์สิ้นสุดลงไปทั้งที่ยังค้างคา คุณจึงอยากได้โอกาสอีกสักครั้ง เพื่อขอทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ และชดเชยความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจ
การอ่านหนังสือเล่มเดิม จะหยิบมาอ่านกี่ร้อยกี่พันครั้ง ตัวหนังสือที่เรียบเรียงในนั้นมันก็เหมือนเดิม แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะตีความหมายมันใหม่ไม่ได้ให้มันจบในแบบที่ประทับใจกว่าเดิมไม่ได้ ทั้งหมดจำเป็นต้องอาศัยบทเรียนและประสบการณ์ เพื่อจะได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น ถึงได้มีคำพูดที่ว่า “ยิ่งทะเลาะกัน เราจะรักกันมากกว่าเดิม” นั่นเอง เพราะฉะนั้น ถึงตอนจบจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เราสามารถมีความรู้สึกใหม่กับตอนจบของหนังสือเล่มนั้นได้
ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าคู่รักที่เลิกกันไปแล้วกลับมาคบกันใหม่จะไปได้ตลอดรอดฝั่งทุกคู่ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่เรียนรู้จากอดีต ไม่โฟกัสกับปัจจุบัน และไม่วางแผนอนาคต ถ้าเป็นแบบนี้ จะเลิก ๆ คบ ๆ อีกกี่สิบครั้ง ก็ไม่แคล้วจบลงแบบเดิม แล้วคงต้องเตือนสติว่าให้มูฟออนสักที กลับไปหาแฟนเก่ายังไงก็ไม่เวิร์กหรอก
แล้วถ้าคุณอยากจะกลับไปเริ่มต้นกันใหม่กับคนเก่าจริง ๆ คุณคิดดีหรือยัง?
ต่างคนต่างยังรักกันอยู่
คู่รักที่เลิกกันแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ อาจหมายถึง… “เขายังรักกันอยู่” หรือไม่ก็ “เขาไม่เคยรักกันเลย” ทีนี้ขอพูดในกรณีที่ต่างคนต่างยังรักกันอยู่แต่จำเป็นต้องเลิกเพราะปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของคุณสองคน ซึ่งถ้าแฟนเก่ายังวนเวียนอยู่รอบ ๆ คุณ ส่วนคุณก็ยังตัดใจไม่ลง (และคงไม่ลืม) มันก็เป็นไปได้ที่อาจจะรีเทิร์นกันใหม่ได้ แต่อยากให้พิจารณาดี ๆ อีกที ว่าความรักคือเรื่องสำคัญแต่มันประคับประคองความสัมพันธ์ไม่ได้ในโลกของความเป็นจริง ยังมีองค์ประกอบอื่นที่เป็นตัวแปรอีกมากมายที่อาจทำให้ความรักพังลง ต้องไปแก้จุดนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่
ไม่มีใครเข้ากับฉันได้ดีเท่าเธออีกแล้ว
คุณสองคนเคยคบกันมา ก็น่าจะรู้นิสัยใจคอหรือธาตุแท้แย่ ๆ ของกันและกันดี รวมถึงรู้ว่ามีข้อดีตรงไหนที่เติมเต็มความสุขให้กันและกันได้ แต่พอเลิกกันแล้ว คุณลองไปคบคนอื่นก็พบว่าไม่มีใครที่เข้ากับคุณได้ดีเท่ากับแฟนเก่าที่เลิกกันไปอีกแล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือ “ศีลเสมอกัน” มันก็เลยมีความรู้สึกว่าน่าจะดีนะถ้าได้กลับมาคบกันอีก หรือตอนที่เคยมีช่วงเวลาดี ๆ กันมันก็ดีจริง ๆ นะ เพราะเขาหรือเธอคือคนที่เข้ากับฉันได้ดีที่สุด คือยังไงก็ต้องเป็นคนนี้แหละ เป็นใครอื่นไม่ได้อีกแล้ว เลยมีความหวังว่าถ้ากลับมารักกันอีกครั้งมันจะเวิร์ก
ปัญหา/ความผิดพลาดได้รับการแก้ไขแล้ว
การที่คุณสองคนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลง แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นเพราะปัญหาหรือความผิดพลาดอะไรสักอย่างแน่ ๆ ถ้าจะกลับมาคบกัน คุณทั้งคู่แก้ไขปัญหานั้นหรือยัง และจะอุดรอยร้าวจากเหตุการณ์ที่เลิกกันไปครั้งก่อนอย่างไร ถ้าคุณเป็นฝ่ายทำให้คนรักผิดหวัง คุณต้องพิสูจน์ว่าจะแก้ไขปรับปรุงทุกอย่างไม่ให้มันซ้ำรอยเดิม จะเป็นคนเดิมเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่คนที่ทำให้เขาหรือเธอต้องร้องไห้เสียใจอยู่เสมอ คุณน่าจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบไม่ชอบอะไร และต้องทำอย่างไรให้อดีตคนรักที่จะกลับมารักกันใหม่มีความสุขได้ แบบนี้ค่อยน่าให้โอกาสและยอมให้อภัยหน่อย
ทบทวนตัวเองดีพอแล้ว
ขอเตือนว่าอย่ากลับไปหาแฟนเก่า (หรือหาแฟนใหม่) เพียงเพราะตัวเองรู้สึก “เหงา” เด็ดขาด ถ้าว่าง เหงามาก หรือยังไม่ชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียว ให้หาอะไรทำลดความฟุ้งซ่าน ถ้าจะกลับไปคบกันก็ต้องแน่ใจว่ายังรักกันอยู่ และที่เลิกกันไปแค่เป็นเรื่องที่ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่กลับไปคบเพื่อฆ่าเวลา อาการเสียใจหลังเลิกราเป็นเรื่องปกติ แค่ให้เวลาตัวเองปรับตัว ไม่ต้องรีบร้อน ถ้าคุณเป็นฝ่ายผิด จะง้อก็ต้องชัวร์แล้วว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจอีก ถ้าเป็นฝ่ายให้โอกาส คุณจะรับความเสี่ยงได้แค่ไหนถ้าอีกฝ่ายทำผิดซ้ำ ภาพในวันเก่าจะย้อนกลับมาเหมือนฝันร้ายอีกไหม
มันจะไม่จบแบบเดิม?
หวังว่าคงไม่ลืมว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกรากันไปในครั้งก่อน ก่อนที่จะลังเลว่าจะกลับไปคบกันอีกที่ดีไหม คุณควรย้อนกลับไปทบทวนให้ดีว่าทำไมคุณสองคนถึงยุติความสัมพันธ์ลงในตอนนั้น ก็เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก ความรักแบบเริ่มต้นใหม่กับคนเดิมที่ไปได้ดีและไปได้ไกลกว่าเดิมมันก็มี แต่ที่ไปไม่รอดและจบแบบเดิมก็มีอยู่มาก ฉะนั้น การกลับมาคบกันจึงไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับทุกคู่ ถ้ามันพังอีกล่ะ คุณจะรับแรงกระแทกได้ไหม ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเดิมที่ต่างฝ่ายไม่ยอมปรับเปลี่ยน ไม่ใช้อดีตเป็นบทเรียน คงไม่แคล้วจบลงเหมือนเคย