รับมือเพื่อนร่วมงานสอดรู้สอดเห็น ชนิดที่ว่าเอาให้หายแสนรู้ไปเลย

รับมือเพื่อนร่วมงานสอดรู้สอดเห็น ชนิดที่ว่าเอาให้หายแสนรู้ไปเลย

รับมือเพื่อนร่วมงานสอดรู้สอดเห็น ชนิดที่ว่าเอาให้หายแสนรู้ไปเลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสังคมไหน คุณไม่มีทางหนีคนประเภทที่ “ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น” กับประเภท “ขี้นินทา” พ้นหรอก โดยที่เรื่องจริงอีกเรื่องจริงหนึ่งก็คือ คนสองประเภทนี้มักจะเป็นคนคนเดียวกันเสียด้วย นั่นก็คือไปสืบให้รู้มาแล้วก็พยายามนำมาเล่าต่อ เรื่องจริงบ้าง เท็จบ้าง แต่งเองบ้างแล้วแต่คน ปน ๆ กันไป มันก็กลายเป็นเรื่องจริงได้เอง

หากเรื่องนี้แบบนี้เกิดขึ้นในที่ทำงานของคุณ คุณอาจจะต้องกำหมัดแน่นแล้วบอกกับตัวเอง ว่าการถูกนินทาเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ “อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ” ซึ่งหากคุณใส่ใจกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้นี้มากเกินไป มันก็จะทำให้คุณเป็นทุกข์โดยเปล่าประโยชน์ ในที่สุด ถ้าคุณทนไม่ได้ คุณก็จะเป็นคนที่เรียกว่า “อ่อนแอก็แพ้ไป” นั่นเอง

แต่เราไม่อยากให้คุณยอมแพ้กับเรื่องที่คุณไม่ได้เป็นคนผิด แล้วต้องมารับกรรมที่คนอื่นทำกับคุณ หากคุณรู้สึกรำคาญกับการเป็นหัวข้อสนทนาของคนในออฟฟิศ จะกระดิกตัวทำอะไรก็มีแต่คนสนอกสนใจคุณเสียเหลือเกิน คุณจะรับมือกับคนประเภทนี้อย่างไรดีให้รู้สึกว่าตัวเองมาเหนือกว่า

โนสนโนแคร์ แล้วไงล่ะ มีปัญหาอะไร

รับบทเป็นผู้ที่ลอยตัวอยู่เหนือคำนินทาและการสอดรู้สอดเห็นทั้งปวง ด้วยการตีมึน โนสนโนแคร์ เมื่อรับรู้ว่ากำลังมีคนพยายามอยากรู้เรื่องของคุณอยู่ คุณก็แค่แสดงออกไปว่าแล้วไงล่ะคะ จะมีปัญหาอะไรกับชีวิตฉันนักหนา แต่การวางตัวแบบนี้ได้ คุณต้องอาศัยความมั่นและความเชิดในระดับหนึ่ง แบบที่ให้รู้ว่าถึงฉันจะนิ่ง เงียบ ไม่ตอบโต้อะไร แต่ฉันไม่ใช่เหยื่อที่จะก้มหน้าก้มตาถูกกระทำ ฉันก็แค่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเสียงแมวก็เท่านั้น ใครเจอแบบนี้นานวันเข้าก็ประสาทเหมือนกัน แล้วก็เบื่อไปเองที่ทำอะไรจิตใจที่แข็งแกร่งแถมแอบกวนประสาทเบา ๆ ของคุณไม่ได้

รู้ดีขนาดนี้ อยากเป็นแฟนคลับก็ไม่บอก

ถ้าพวกเขาไม่ได้สนใจคุณล่ะก็ พวกเขาคงไม่รู้ทุกความเป็นไปของคุณขนาดนี้หรอก แอนตี้แฟนก็เป็นแฟนคลับรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน แค่ขยันหาเรื่องลบ ๆ เท่านั้นเอง เป็นปกติที่เวลาอยากรู้อะไร ก็จะรับบทนางแสนรู้ รู้ทุกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง บางเรื่องรู้ดีกว่าตัวคุณเองด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่แล้วคนประเภทนี้มักจะมีปม ที่อยากรู้เรื่องคนอื่นก็เพราะอยากรู้ว่าใครได้ดีกว่าตนเองหรือไม่ แต่ถ้าแย่กว่าแย่ยังไง แค่รู้ไม่พอ ยังเอามานินทาลับหลังอีก ในเมื่อเขาอยากจะรู้นักล่ะก็ ลองแหย่ ๆ ไปว่า “แหม ถ้าจะรู้ดีขนาดนี้ เป็นแฟนคลับเหรอคะเนี่ย” ความหมายโดยนัยก็คือ อิจฉาอยู่ล่ะสินะ!

อยากรู้มากนักใช่ไหม มา จะบอก (ความจริง) ให้

เรื่องประหลาดของคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น คือ กลัวการรู้ความจริงจากปากของเจ้าของเรื่องเอง ถ้าเขาแสดงออกว่าอยากจะรู้ซะขนาดนั้น ก็เรียกมาสงเคราะห์เรียงตัวเลย บอกความจริงไป (แต่ไม่ต้องไปลงลึก) ปิดท้ายก่อนเดินจากไปแบบสวย ๆ ว่า “ความจริงเป็นแบบที่ว่า ทีหลังจะนินทากันเนี่ย รบกวนพูดเรื่องจริงกันด้วยนะ ถ้าไม่รู้และอยากรู้จริง ๆ ให้เดินมาถาม จะได้ไม่ไปเต้าข่าวให้ใครเขาเสียหาย” รับรองเลย งานนี้คงมีคนหน้าชากันบ้างล่ะ แล้วหลังจากนี้ไป ก็อาจจะเพลา ๆ โรคอยากรู้อยากเห็นและโรคขี้เม้าท์เรื่องของคุณไปได้พักใหญ่เลย

แก้เผ็ดนิดหน่อยพอให้หลาบจำ

จริง ๆ แล้ว เราไม่ได้อยากให้คุณเป็นนางร้ายในละครหลังข่าว แต่ก็ไม่อยากให้คุณเป็นนางเอกที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน บางทีการที่คุณเงียบเพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด คนบางประเภทก็ไม่สำนึกหรอก แต่ได้ใจแล้วทำต่อไปไม่จบสิ้น ไม่ก็ไปทำกับคนอื่นอีก ถ้าเขาไม่รู้ก็ต้องเตือนกันบ้าง เอาแค่เบา ๆ พอให้รู้ว่าคุณไม่ใช่คนที่ยอมคนก็พอ เพียงแต่มันไร้สาระที่จะสนใจ ในเมื่อให้โอกาสก็แล้วก็ยังไม่หยุด ก็ต้องสั่งสอนบ้าง ที่ไม่พูดไม่ได้แปลว่าโอเค และไม่ได้แปลว่ายอมให้ คนพวกนี้จะได้สลดบ้าง แล้วไม่เลิก (เบา) พฤติกรรมแบบนี้เสียที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook