เตรียมรับมือกับ เพื่อนร่วมงานคนใหม่ ที่ไม่ใช่คนแต่เป็น เทคโนโลยี
มีข้อมูลและบทความให้ความรู้มากมาย ที่พยายามจะอธิบายถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เกี่ยวกับการทำงานที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำงานของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ สืบเนื่องมาจากที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเรา อีกทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ยังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ชนิดที่โลกยังหมุนตามแทบไม่ทัน แม้แต่ Facebook ยังเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เพราะต้องการขยายขอบเขตของบริษัทเข้าสู่โลก Metaverse เพื่อเชื่อมโยงโลกเสมือนและโลกความเป็นจริงเข้าหากัน และเตรียมรองรับเทคโนโลยีสุดล้ำในอนาคต
เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบกับคนที่อยู่ในตลาดแรงงาน ผู้คนหลากหลายอาชีพมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเลิกจ้าง โดยที่องค์กรต่าง ๆ จะนำเทคโนโลยีสุดทันสมัยมาแทนที่แรงงานคนเหล่านั้น เพราะมันมีประโยชน์มากมายต่ออุตสาหกรรมและหลากหลายสายงาน ทั้งเรื่องของกำลังการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุน ความเสถียรของคุณภาพ และกำจัดอีกสารพัดปัญหาที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความวุ่นวายของคน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อาจจะเหลือรอดจากการรุดหน้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ถูกเทคโนโลยีแย่งงานไปล่ะก็ คุณก็อาจจะมีเพื่อนร่วมงานคนใหม่เป็นเทคโนโลยีอะไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ แทนที่มนุษย์ด้วยกันเองแบบที่เคยมีมา ถ้าอย่างนั้น เราต้องจะอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่ไม่ใช่คนอย่างไรดี แล้วเราต้องเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง
มีความคิดในเชิงประยุกต์และความสามารถในการปรับตัว
เป็นทักษะการคิดที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงวิพากษ์ ในการทำงานที่มักจะเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง จำเป็นต้องมีทักษะการคิดในเชิงประยุกต์และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น อย่างในยุคที่เทคโนโลยีหลายสิ่งอย่างสามารถทำงานแทนคนได้ คนที่จะอยู่รอดจึงต้องเป็นคนที่มีความสามารถไม่แพ้กับเทคโนโลยีเหล่านั้น อาจต้องเป็นคนที่ทำงานได้หลากหลาย ใฝ่เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อปรับตัวเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ ที่สำคัญคือมีทักษะที่เทคโนโลยีทำแทนไม่ได้หรือทำแทนได้ไม่สมบูรณ์
การคิดที่ซับซ้อนยังต้องพึ่งมนุษย์
ความคิดที่ซับซ้อนแบบมนุษย์ คือ สิ่งที่เทคโนโลยีไม่มีวันทดแทนได้ เพราะขนาดเทคโนโลยีก็ยังต้องอาศัยสมองของมนุษย์ในการพัฒนาขึ้น ยังต้องใช้คนในการออกแบบการประมวลผล และมันยังต้องอาศัยการป้อนข้อมูลเพื่อให้สามารถทำงานได้ โดยมันจะทำงานซ้ำ ๆ วนไปวนมาในรูปแบบเดิม ๆ ที่โปรแกรมเขียนกำกับไว้ นอกเหนือจากนั้นมันก็ทำไม่ได้ ในขณะที่มนุษย์สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และหาแนวทางทางป้องกันไว้ล่วงหน้าได้ อีกทั้งการที่มนุษย์มีอารมณ์และความรู้สึก บางสายงานยังจำเป็นต้องพึ่งมนุษย์ เช่น งานด้านการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจ
มีความรู้ทางเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล
เมื่อเราต้องทำงานกับเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เราต้องทำงานกับพวกมันให้เป็น หลักการทำงานเป็นอย่างไร และรู้ว่าจะใช้งานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ซึ่งไม่ใช่แค่ทักษะทางเทคโนโลยีทั่วไปแบบเปิดคอมพิวเตอร์ได้ ถ่ายเอกสารเป็น แต่คือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะถูกจับคู่เข้ากับบุคลากรที่เหลืออยู่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ข้อมูลขนาดใหญ่และปริมาณมาก (Big Data) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (VR) หรือบล็อกเชน (Blockchain) จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานในอนาคต
คนต้องทำงานร่วมกับเทคโนโลยี
แม้ว่าเทคโนโลยีจะเก่งกาจหรือฉลาดแค่ไหน ก็ยังมีเงื่อนไขและข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้มันยังไม่สามารถเข้ามาแย่งงานของมนุษย์ไปอย่างสมบูรณ์เร็ว ๆ นี้ได้ แต่บางสายงานหรือบางตำแหน่งจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานร่วมกันแทน คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีฝีมือ ก็ยังอยู่แสดงศักยภาพในการทำงานได้ต่อไป โดยมีเทคโนโลยีเป็นผู้ช่วย ก็ยังทำให้ชีวิตการทำงานเป็นสุขกว่าที่คิด แต่ทั้งนี้หมายความว่าคนทำงานต้องไม่ทำตัวเป็นภาระหรือได้ผลงานที่ประสิทธิภาพต่ำกว่าที่เทคโนโลยีทำ จึงต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยมุ่งไปในงานที่เทคโนโลยียังทำแทนไม่ได้
ใช้เทคโนโลยีให้เป็น ควบคุมให้ได้ ก็เป็นคู่หูกับเทคโนโลยีในการทำงาน
โลกแห่งอนาคต เราคงได้เห็นคนนั่งทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ AI อุปกรณ์ IoT หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ล้ำสมัยมากกว่าที่มีอยู่ทุกวันนี้ แน่นอนว่ามันคงจะช่วยลดปัญหาและเรื่องน่าปวดหัวแบบที่ทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนลงไปได้เยอะ เราไม่ต้องมาคอยรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่น่ารังเกียจ หรือเกรงว่าเพื่อนร่วมงานจะเกลียดเราอีกต่อไปแล้ว เพราะเราจะทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่ไม่มีปากมีเสียงบ่น มันจะทำงานตามคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป ได้งานทีละมาก ๆ โดยที่คุณภาพและมาตรฐานคงที่ แค่เราเป็นคู่หูกับมัน ก็อยู่กันแบบเอื้อประโยชน์ให้กับการทำงานได้แล้ว