5 คำพูดไม่สร้างสรรค์ ที่ไม่อยากได้ยินจากพวกญาติ ๆ

5 คำพูดไม่สร้างสรรค์ ที่ไม่อยากได้ยินจากพวกญาติ ๆ

5 คำพูดไม่สร้างสรรค์ ที่ไม่อยากได้ยินจากพวกญาติ ๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มีใครในที่นี้ที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจทุกครั้งที่ถึงช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ แล้วต้องเจอหน้าบรรดาญาติผู้ใหญ่บ้างหรือไม่ การต้องพบปะญาติพี่น้องทั้งชิดทั้งห่างที่นับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน กลับไม่ใช่เรื่องสนุกสนานหรือช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างที่ใครหลายคนนึกฝัน เพราะคนจำนวนไม่น้อยต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายออก อันเกิดจากญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายเป็นต้นเรื่อง นั่นก็คือ พวกคำทักทาย คำถาม คำพูดสุดจี๊ดที่ไม่อยากจะตอบ ไม่อยากแม้กระทั่งได้ยิน!

คำพูดไม่สร้างสรรค์เหล่านี้สร้างบรรยากาศเป็นพิษในการพบปะกับคนในครอบครัว แทนที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้มารวมญาติกัน กลายเป็นเกลียดขี้หน้ากันไปตลอดชีวิตเลยก็มี เพราะหลายคนหมดโควตาความอดทน แม้หลาย ๆ คนอาจรู้สึกว่าก็ไม่น่าจะไปถือสาหาความเวลาที่เจออะไรแบบนั้น ยังไงก็ญาติกันทั้งนั้น

น่าจะพอนึกภาพออกใช่ไหมว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หลายคนเจอจนชิน เวลาเจออะไรแบบนี้อีกก็ออกแนวตายด้านไร้ความรู้สึกไปแล้ว หลาย ๆ คนก็มีวิธีรับมือแบบแสบ ๆ คัน ๆ จนหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายเร้าหรืออะไรด้วยอีก เพราะในความเป็นจริง นี่เป็นเรื่องของมารยาท ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทุกคนควรมีให้แก่กัน ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือคนที่ไม่รู้จักก็ตาม คำพูดชวนหงุดหงิดพวกนั้น ถ้าไม่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบไปบ้างก็จะเจอไม่จบสิ้น ซึ่งเราต้องอดทนมากขนาดนั้นเลยหรือ? ในทางกลับกันภาษาไทยก็มีคำพูด คำถามดี ๆ ตั้งมากมายที่รื่นหูคนฟังกว่านี้ ทำไมจึงไม่เลือกใช้

จริง ๆ แล้วมีคำพูดมากมายที่ช่างไม่สร้างสรรค์ในการใช้พูดใช้ถามคนอื่น ไม่รื่นหูคนฟัง ได้ยินทีไรก็ชวนหงุดหงิด เบะปาก มองบนทุกที ทำลายบรรยากาศดี ๆ จนหมดสิ้น แต่นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มที่มักจะเจอบ่อย ๆ จากพวกญาติ ๆ หากไปเจอเองหน้างานแล้วจะรู้ว่ามันมีคำถามที่ซอกแซกชวนปวดหัวมากกว่านี้

ทักทายด้วยรูปลักษณ์

น่าจะเป็นคำทักทายแรกที่เอ่ยปากเมื่อเห็นหน้ากันเลยด้วยซ้ำไป แต่ทำเอาคนฟังหงุดหงิดได้ข้ามวันข้ามคืน คำพูดประมาณว่า “อ้วนขึ้นนะเรา” “ดำขึ้นปะเนี่ย” “ไปทำอะไรมาหน้าถึงเป็นสิวเขรอะขนาดนี้” บอกเลยว่าคนฟังไม่ได้รู้สึกประทับอกประทับใจที่ได้ยินหรอก แม้ว่าบางทีจะพยายามทำความเข้าใจว่าเขาอาจจะถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยหรือเอ็นดู แต่มันก็ไม่ใช่คำพูดที่สร้างสรรค์เลย เพราะเจ้าตัวน่ะรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมาพูดย้ำให้เสียความมั่นใจ หรือจริง ๆ แล้ว เจ้าตัวอาจพึงพอใจในตัวเองแบบนี้ก็ได้ ไม่ได้อยากให้ใครมาเดือดร้อนแทน

ทำงานอะไร

คำถามที่คนวัยทำงานทุกคนต้องเคยโดนถามเวลาที่ต้องพบปะกับญาติผู้ใหญ่ อันที่จริงการถามว่าทำงานทำการอะไรก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักหรอกถ้ามันจบตรงที่เขาได้คำตอบจากเรา แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่จบแค่นั้น ซึ่งเรื่องราวต่อจากนี้นี่เองที่สร้างความไม่พอใจให้กับใครหลาย ๆ คน ตั้งแต่การขอให้อธิบายว่างานที่ว่าคืออะไร (ยังพอทน เพราะคนที่ไม่รู้จริง ๆ ก็มี) จนเริ่มซอกแซกลึกลงไปเรื่อย ๆ ว่าลักษณะงานเป็นอย่างไร มีหน้าที่อะไร ตำแหน่งงานใหญ่ไหม ตำแหน่งสำคัญแค่ไหน เป็นหัวหน้าหรือยัง สุดจะเพลีย ขนาดไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่เขายังไม่อยากรู้อยากเห็นขนาดนี้เลย

เงินเดือนเท่าไร

คำถามพ่วงท้ายต่อจากการถามว่าทำงานอะไร ถ้าถามเรื่องงานแล้วเรื่องค่าจ้างก็จะตามมาเสมอ เมื่อได้คำตอบแล้วว่างานที่เราทำคืออะไร ก็เริ่มอยากรู้ว่างานที่ว่าได้เงินเดือนเท่าไร เรื่องเงินเดือนถือเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมาก ๆ ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องมาเปิดเผยให้ใครฟัง ปกติแล้วถ้าเจ้าตัวไม่พูดออกมาเอง ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรถามอย่างเด็ดขาด ต่อให้เป็นลูกหลานก็ไม่ควรถาม รู้ว่าอยากรู้ แต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่สะดวกใจจะตอบจริง ๆ อนึ่ง เรื่องเงินเดือนเนี่ยเป็นความลับที่บริษัทมักจะไม่อนุญาตให้เผยแพร่กับคนอื่น ๆ อยู่แล้ว ทั้งคนในที่ทำงานเดียวกันหรือกับคนทั่วไปก็ตาม

มีแฟนหรือยัง เมื่อไรจะมีแฟน

ญาติพี่น้องมักจะสนใจเรื่องความรักของเราเสมอ ถ้าพวกเขาเห็นว่าเราไม่ได้หนีบใครไปเจอหน้าญาติ ๆ ด้วย ก็จะถามขึ้นมาว่าเราน่ะมีแฟนหรือยัง หรือเมื่อไรจะมีแฟน อาจต่อท้ายด้วยการอบรมสั่งสอนเรื่องการเลือกแฟน การคบหา บลา ๆ ดีไม่ดีมีคำถามอื่นตามมาอีก การถามเรื่องคนรักเป็นคำถามที่ไร้สาระและไม่ให้ประโยชน์อะไรกับใครเลย บอกว่ามีแล้วก็จะถามว่าทำไมไม่พามาด้วย ตอบว่าไม่มีก็จะถามว่าแล้วเมื่อไรจะมี (เหมือนเสกได้ตามใจนึก) หรือทำไมถึงไม่มี คือบางคนก็เต็มใจโสดไง บางคนอาจเพิ่งเลิกรา หรือบางคนก็มีเหตุผลที่ยังไม่เปิดตัว ฉะนั้น ไม่ต้องไปอยากรู้เนอะ

เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย

ที่สุดของความน่ารำคาญ เหนือกว่าการถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวของเรา ก็คือการที่ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรื่องของตัวเองให้คนทั้งตระกูลฟังเนี่ยแหละ คนกลุ่มนี้พิเศษตรงที่อาจจะถามหรือไม่ถามเรื่องของเราก็ได้ เพราะที่ถามก็เพื่อหาโอกาสจะแทรกเรื่องบ้านตัวเองขึ้นมาเท่านั้น โดยดูจากคำตอบเราก่อน ถ้าเราด้อยกว่าก็จะอวดตัวเอง เหยียบย่ำทับถมเราเต็มที่ หนักหน่อยก็มีการดูถูกบั่นทอนกำลังใจ เริ่มเปรียบเทียบเรากับใครสักคน แต่ถ้าเราเหนือกว่าก็จะพยายามพูดแค่เรื่องดี ๆ หรือพยายามทำให้ตัวเองดูดี แต่ต้องหาเรื่องไหนสักเรื่องมาเหนือกว่าเราให้ได้ เจอแบบนี้ปวดหัวไม่ไหว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook