Small Talk สั้น ๆ ทักทายเพื่อนร่วมงานที่บังเอิญเจอกันที่มุมกาแฟ
เมื่อพูดถึงการทำงานที่ออฟฟิศ จะมีอยู่มุมหนึ่งที่ใครหลายคนมักจะต้องไปเยือนในทุก ๆ เช้า นั่นก็คือ “มุมกาแฟ” เพราะออฟฟิศส่วนมากจะมีกาแฟเตรียมไว้ให้พนักงานสามารถมาชงดื่มได้เองฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แน่นอนว่ามันเป็นมุมสาธารณะที่ใครจะเดินเข้ามาหากาแฟดื่มก็ได้ เราจึงอาจเจอเพื่อนร่วมงานมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้าไปในมุมนี้เช่นเดียวกับเรา มีทั้งคนที่สนิทสนมกันดี พนักงานใหม่ หรือคนที่ไม่เคยคุยกันแต่เจอกันทุกวัน
ความลำบากใจหรือบรรยากาศสุดอึดอัดอาจเกิดขึ้นได้ท่ามกลางความเงียบ ถ้าเราเจอใครคนหนึ่งทุกวันโดยที่ไม่เคยคุยกันเลย อาจมีบ้างที่ต่างฝ่ายอาจจะรู้สึกขัด ๆ เขิน ๆ ทำงานในที่เดียวกันแต่ต่างคนต่างไม่คุยกัน วันนี้คุณจึงตัดสินใจว่าจะเป็นคนชวนคุยก่อนเพื่อทำลายความเงียบ ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ประมาณ 5 นาทีที่เราใช้ยืนชงกาแฟ แบบพูดคุยทักทายพอเป็นมารยาท แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยจากเรื่องอะไรดี
การพูดคุยในลักษณะนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น Small Talk หรือก็คือการชวนคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเพื่อนร่วมงาน การชวนคุยลักษณะนี้เป็นการแสดงออกถึงมิตรภาพรูปแบบหนึ่ง เพราะมันคือการเริ่มต้นสร้างเพื่อนใหม่ จากที่เคยเจอผ่าน ๆ แล้วก็ทำได้แค่เพียงยิ้มให้กันมาเป็นการเริ่มต้นบทสนทนา ประโยชน์ของการสร้าง Small Talk คือสร้างบรรยากาศผ่อนคลายในที่ทำงาน และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วย เพราะทุกคนได้พูดคุยทำความรู้จักกันบ้างแล้ว ทำให้ทำงานได้สนุกสนานขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่ใช่คนไร้ตัวตนในออฟฟิศอีกต่อไป แม้ว่าจะคุยไม่เก่งก็ตาม
หากต้องเริ่มต้นเปิดบทสนทนาแบบ Small Talk กับคนอื่นเป็นครั้งแรก แบบที่ใช้เวลาสั้น ๆ ไม่ใช่การคุยจริงจัง มีเรื่องอะไรบ้างที่น่าสนใจมาเปิดเรื่อง
เรื่องสัพเพเหระในชีวิตประจำวัน
ตัวเปิดบทสนทนาสุดเบสิกที่เรามักใช้ในการเปิดบทสนทนาเล่น ๆ สั้น ๆ กับเพื่อนร่วมงานที่ยังไม่รู้จักหรือสนิทสนมกันดี ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ก็อย่างพวกเรื่องลมฟ้าอากาศ หรือเมื่อเช้ามาทำงานรถติดไหม หรือเคยกินข้าวร้านข้างออฟฟิศไหม ดูเผิน ๆ นี่อาจเป็นเรื่องชวนคุยที่สิ้นคิด แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถจุดประเด็นจากเรื่องพวกนี้ให้เป็นการคุยที่จริงจังมากขึ้นไปอีกได้ เพราะในวันรุ่งขึ้นมันอาจจะขยับไปเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หรือเริ่มมีเคล็ดลับต่าง ๆ มาแชร์กันเพื่อแก้ปัญหา เช่น ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ตากผ้าอย่างไรให้ไร้กลิ่นอับ
ข่าวที่ได้ยินจากวิทยุเมื่อเช้า
ในทุก ๆ เช้าจะมีข่าวสารใหม่ ๆ ให้ติดตามอยู่เสมอ งานบางสายงานจำเป็นต้องติดตามข่าวในทุกเช้าเพื่อประโยชน์ในการทำงาน แต่หลาย ๆ สายงานก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่รู้ไหมว่าถ้าเราเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบชวนคุยเรื่องข่าวสารต่าง ๆ ในทุกเช้า อาจทำให้เรากลายเป็นคนที่ต้องติดตามข่าวสารไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง แล้วจะยอมเสียหน้าไม่ได้ด้วย แค่เว้นเรื่องที่เป็นประเด็นอ่อนไหวแค่ไม่กี่เรื่องที่อาจทำให้เกิดการทะเลาะโต้เถียงกันก็พอ ข่าวสารทำให้การสนทนาไม่น่าเบื่อ และยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลากหลายมุมมองด้วย
สารทุกข์สุกดิบในช่วงนี้
เป็นคำทักทายที่ดีทีเดียว เริ่มต้นง่าย ๆ แค่แสดงออกอย่างเป็นมิตรแล้วถามออกไป ก็ดูเหมือนว่าเราใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่ทำงานที่เดียวกันได้แล้ว ลักษณะคำถามก็ง่าย ๆ ทั่วไป เช่น วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง กินข้าวเช้าหรือยัง งานที่รับผิดชอบอยู่ช่วงนี้ราบรื่นดีไหม แต่ไม่ต้องซอกแซกอะไรมาก การถามสารทุกข์สุกดิบจะแตกต่างกับการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปนิดหน่อย คือ เน้นถามถึงความเป็นไปของอารมณ์ความรู้สึกของคู่สนทนาเป็นหลัก แต่หากดันบังเอิญเจอกันที่มุมเดิมทุกวัน ก็อาจจะต้องมีการดัดแปลงพลิกแพลงคำถามนิดหน่อย อย่าถามเหมือนเดิมทุกวัน
เคล็ดลับอะไรซักอย่างในบ้าน
การพูดคุยที่ให้ผลลัพธ์มากกว่าแค่การรักษามารยาทในการทักทาย คือการสอบถามเคล็ดลับบางอย่างในชีวิตประจำวัน เพราะนอกจากการพูดคุยเพื่อรักษามารยาทแล้ว คู่สนทนาเราอาจมีเคล็ดลับอะไรต่อมิอะไรที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ โดยเฉพาะคนที่รับบทพ่อบ้านแม่บ้าน เช่น เรากำลังมีปัญหาเรื่องขจัดคราบเชื้อราที่เสื้อผ้า ทำตามวิธีในกูเกิลแล้วไม่ได้ผล พวกเขาอาจมีวิธีที่หาไม่ได้ในเน็ตมาแนะนำ ซึ่งมันก็ต้องเป็นวิธีที่พวกเขาทำแล้วได้ผล หรือเคล็ดลับสระผมอย่างไรให้เว้น 3 วันก็ยังอยู่ไหว แต่ควรเริ่มจากเรื่องพื้น ๆ ก่อนนะ ที่เราสังเกตได้จากอีกฝ่าย