5 เหตุผลทำไมแคมปิ้งจึงกลายมาเป็นเทรนด์ของคนยุคนี้
มีรายงานของสโมสรยานยนต์ในยุโรป ระบุว่าการท่องเที่ยวในรูปแบบแคมปิ้งนั้นได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2006 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนี การท่องเที่ยวในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 2.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
เช่นเดียวกับในเมืองไทย ที่การท่องเที่ยวกลางแจ้ง ออกไปนอนเต็นท์สัมผัสกับชีวิตที่ติดดิน มองท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่ไร้แสงจากตัวเมืองรบกวน ตื่นมาพบกับทะเลหมอกหรือเสียงคลื่นในยามเช้า กลายเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่มาแรงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ถึงขนาดมีงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับแคมปิ้งในศูนย์จัดแสดงสินค้าใหญ่ ๆ ปีหนึ่งอย่างน้อยสองครั้ง
ยิ่งในสถานการณ์ที่มีโรคระบาดเช่นในปัจจุบัน การท่องเที่ยวแบบแคมปิ้ง กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ต้องการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเจอผู้คน หรือเข้าพักในสถานที่พักที่ไม่แน่ใจในการจัดการ
หากแต่การที่แคมปิ้งได้รับความนิยมนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเหตุผล 5 ข้อที่ทำให้คนที่ได้ออกไปตั้งแคมป์ติดใจ และ เหตุผลทั้ง 5 ข้อนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางทั้งหลาย หันมาสำรวจความต้องการที่แท้จริงของการพักผ่อนกันมากขึ้น
1. ความทรงจำในวัยเยาว์นั้นสวยงามเสมอ
ผู้คนเกือบส่วนใหญ่ ต้องเคยใช้เวลาในการท่องเที่ยวแบบแคมปิ้งกันมาบ้าง อย่างน้อยก็สักหนึ่งคืน เอาเป็นว่าคนในช่วงอายุ 25-55 ปี ทั้งที่ยังเป็นวัยรุ่นหรือเข้าสู่วัยของคนเป็นพ่อแม่แล้ว ต่างต้องเคยผ่านประสบการณ์แคมปิ้งกันมาบ้าง แน่นอนว่าการได้หวนระลึกถึงค่ำคืนรอบกองไฟ และนั่งมองท้องฟ้าที่ไม่มีแสงสว่างไฟฟ้ามาบดบัง ยังคงเป็นภาพประทับใจของใครหลายคน
และด้วยเหตุผลนี้ทำให้คนเป็นพ่อแม่ในปัจจุบันก็อยากสร้างความทรงจำกับครอบครัวตัวเอง คนที่เข้าสู่วัยทำงานอยากก็หวนระลึกถึงค่ำคืนอันแสนสนุกอยู่เสมอ ดังนั้นการกลับไปเที่ยวแคมปิ้งก็เหมือนได้กลับไปสู่ช่วงเวลาวัยเยาว์ และ การตั้งแคมป์ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่เคยตกยุค ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปขนาดไหน แต่ความเป็นมนุษย์ก็ยังคงคิดถึงธรรมชาติอันเป็นต้นกำเนิดของพวกเขาอยู่ดี
2. แคมปิ้ง คืออิสระที่อยู่ในขอบเขตของความพอดี
ทุกวันนี้ผู้คนในสังคมต่างต้องแบกรับภาระและความกดดัน ทั้งจากการติดต่อสื่อสาร โซเชียลมีเดีย การเรียน การทำงาน พวกเขามักจะคิดถึงสถานที่หลบซ่อนเพื่อที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ และการท่องเที่ยวในรูปแบบแคมปิ้งดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด หลายคนที่ออกไปตั้งแคมป์ในวันหยุด มักพูดเหมือนกันว่าเป็นการออกมาหาธรรมชาติและประสบการณ์ใหม่ ๆ
จากชีวิตที่แสนจะจำเจ หน้าคอมพิวเตอร์ หรือการทำงานแบบซ้ำเดิมทุกวัน เพราะการไปเที่ยวแบบแคมปิ้งนั้นจะแตกต่างจากการไปนอนโรงแรม ที่คุณต้องตื่นมาเจ็ดโมงเช้าเพื่อกินอาหารเช้าและออกไปเที่ยว แต่การตั้งแคมป์คือการผจญภัยในทุกขั้นตอนของการเดินทาง เหนืออื่นใดคือการได้อยู่กับครอบครัวกับเพื่อนฝูงตลอดเวลาของการเดินทาง ทำให้ได้พูดคุยได้ปรับทำความเข้าใจกัน และได้เห็นตัวตนของกันและกันมากยิ่งขึ้น
3. แคมปิ้งในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเสียสละความสะดวกสบาย
ก่อนหน้านี้การท่องเที่ยวในแนวทางเพื่อรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจได้รับความนิยมอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในปัจจุบันการท่องเที่ยวแบบแคมปิ้งกลายเป็นการท่องเที่ยวที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดี เพราะการท่องเที่ยวแบบแคมปิ้งในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องออกไปลำบากตรากตรำ นอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนในนวนิยายผจญภัยอีกต่อไป เพียงแค่คุณต้องจัดของก่อนออกไปแคมปิ้งให้เรียบร้อยเท่านั้น
ปัจจุบันการออกทริปแคมปิ้งได้รับความนิยมมากจนทำให้เกิดการเปิดพื้นที่เพื่อให้คนเมืองได้ไปใช้กางเต็นท์ หรือแม้แต่พื้นที่สำหรับการจอดรถบ้านในการกางเต็นท์ ขณะเดียวกันความสะดวกสบายของอุปกรณ์แคมปิ้งปัจจุบันก็ทำให้หลายคนได้สนุกกับการออกแคมป์เสียด้วยซ้ำ
ยิ่งในปัจจุบันมีทางเลือกที่เรียกว่า Glamping อันเป็นคำที่ผสมระหว่าง Glamourous กับ Camping เข้ามาไว้ด้วยกัน ซึ่งหมายถึงการออกแคมป์ที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและทุกอย่างเหมือนในภาพฝันที่ทุกคนคิดเอาไว้ ซึ่งทางเลือกที่มีมากขึ้นทำให้การออกแคมป์ในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องที่หลายคนยินดีที่จะไปกัน
4. แคมปิ้ง เป็นการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เจอกับธรรมชาติสวย ๆ
แม้ว่าจะมีแคมปิ้งประเภท Glamping แต่พื้นฐานของการกางเต็นท์จริง ๆ แล้วคือการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก เพราะคุณไม่ต้องเสียค่าที่พัก ค่าอาหาร หากแต่เป็นการกางเต็นท์นอนในพื้นที่ที่อาจจะต้องเสียค่าบำรุงบ้าง ส่วนเต็นท์ที่เอามาใช้งานนั้น ก็จะเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว และยังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การท่องเที่ยวแบบนี้ได้รับความนิยมและยังคงไม่ตกยุค
5. แคมปิ้งคือการจุดความเป็นนักผจญภัยในตัวคุณ
ชีวิตปกติของคนส่วนใหญ่คือการทำกิจวัตรซ้ำ ๆ ในทุกวัน บางครั้งก็หมายถึงการต้องพึ่งพาช่าง หรือคนที่มีความสามารถเฉพาะทางในการจัดการ คุณจะรู้สึกว่าบางครั้งไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่การไปเที่ยวแบบแคมปิ้ง คุณต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่กางเต็นท์ ดูแลความปลอดภัยให้ตนเองและคนที่ร่วมเดินทาง ไปจนถึงการทำอาหารจากอุปกรณ์สนาม ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณได้ใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของมนุษย์ และทำให้คุณรู้สึกมีความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น