เป็นข่าวปุ๊บงานเดินปั๊บ เครื่องด่าจากสังคมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

เป็นข่าวปุ๊บงานเดินปั๊บ เครื่องด่าจากสังคมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

เป็นข่าวปุ๊บงานเดินปั๊บ เครื่องด่าจากสังคมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“มีปัญหาอะไรให้ฟ้องนักข่าว เพราะแจ้งตำรวจไปก็เท่านั้น เรื่องจะเงียบหายไปเลย” คอมเมนต์ลักษณะนี้จากชาวเน็ตจะเห็นได้บ่อย ๆ ตามข่าวชาวบ้านที่สำนักข่าวออนไลน์หรือเพจดังนำมาย่อยให้มวลชนได้รับรู้ มันอาจเป็นดูเป็นเรื่องตลกที่ว่าทำไมเวลามีปัญหาเดือดร้อนจงเลิกพึ่งตำรวจแล้วให้หันไปฟ้องนักข่าวแทน แต่ในความเป็นจริง คุณจะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ชาวเน็ตใช้แซะเล่น ๆ ถึงการทำงานของหน่วยงานบริการประชาชนอีกต่อไป เพราะสังคมทุกวันนี้ดันเป็นแบบนี้จริง ๆ

เรื่องตลกร้ายนี้ไม่ใช่แค่การเลิกพึ่งตำรวจเวลาเดือดร้อน แบบว่าแจ้งความไปตั้งนานนมคดีก็ไม่คืบ แต่ยังหมายรวมถึงการได้รับการบริการที่ไม่น่าประทับใจจากหน่วยงานภาครัฐอีกหลาย ๆ แห่ง เป็นต้นว่าแจ้งเรื่องไปแรมปีก็ไม่เคยลงมาดู หรือมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีอะไรตอบสนองให้ดีขึ้นเลยสักอย่าง ประชาชนต้องอดทนใช้สาธารณูปโภคผุ ๆ พัง ๆ อันตรายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ก็ไม่เคยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาสนอกสนใจอะไร

ถ้าอย่างนั้นลองไปฟ้องนักข่าวดูสิ! พอเป็นข่าวออกทีวีหรือมีเพจดังรายงานในโซเชียลมีเดียแล้วล่ะก็ วันรุ่งขึ้นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะลงมาจัดการให้ทันที ชนิดที่ว่าปิดจ๊อบจบงานในวันเดียว จนประชาชนต้องพูดว่า “รู้งี้ให้มันเป็นข่าวตั้งนานแล้ว!” ไม่เพียงเท่านั้น ลองมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจนถึงขั้นเลือดตกยางออกหรือเสียชีวิต จนกลายเป็นข่าวดังระดับประเทศนะ ไม่กี่อึดใจก็จะมีเจ้าหน้าที่รีบมาจัดการให้เหมือนกัน

“อะไรก็ตามที่เป็นข่าวปุ๊บ แค่แป๊บเดียวงานก็เดินแล้ว” ดังนั้น ถ้าคุณได้รับความเดือดร้อนจากอะไรก็ตาม รอแล้วรอเล่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความช่วยเหลือหรือปรับปรุงให้มันดีขึ้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่เคยมีความคืบหน้า ลองติดต่อแจ้งสื่อหรือสำนักข่าว (ทั้งสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์) หรือพวกเพจดัง ๆ ในโซเชียลมีเดียให้ช่วยทำให้มันเป็นข่าวดู ความเดือดร้อนของคุณจะได้รับความช่วยเหลือ ได้รับการแก้ไขชนิดที่ว่าข่าวจบปุ๊บเรื่องคืบหน้าทันที!

เป็นข่าวปุ๊บ งานเดินปั๊บ

เมื่อความเดือดร้อนของชาวบ้านถูกทำให้เป็นข่าวจนมวลชนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ เรื่องราวในด้านลบจะถูกสังคมขับเคลื่อนด้วยความไม่พอใจ จะเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน มีเสียงก่นด่า จนกลายเป็นแรงกดดันว่าถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “พลังในการด่า” ก็จะโหมหนักขึ้น โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องด่าชั้นดี ยิ่งคนด่าหนักมากเท่าไร ภาพลักษณ์ของหน่วยงานก็จะเสียหายมากเท่านั้น ซึ่งถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงอีก คนก็จะเริ่มโดนชี้หน้าว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ไม่สมควรมีอยู่อีกต่อไป

การด่าคือการที่คนด่าตั้งความหวังว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น จากความเดือดร้อนของชาวบ้านตาดำ ๆ คนหนึ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ไม่มีใครเห็น เมื่อถูกทำให้เป็นข่าวดังขึ้นมา ก็มีคนที่รู้เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าสื่อเองก็มีส่วน “ตีข่าว” เพื่อให้มวลชนผู้รับสารเกิด “ความรู้สึกร่วม” ยิ่งมีการนำเสนอข่าวไปในทางลบ อย่างการบอกเล่าความเดือดร้อนของผู้ที่กำลังเผชิญปัญหา ให้มวลชนรู้สึกเห็นใจ รวมถึงการแปะป้ายไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าทำไมถึงยังไม่เคยลงมาเคลื่อนไหวทั้งที่ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้ ก็ทำให้มวลชนรู้สึกอินตามได้ไม่ยาก เครื่องด่าพร้อมทำงานตลอดเวลา

เป็นปกติที่มนุษย์มักจะสนใจเรื่องด้านลบมากกว่าเรื่องด้านบวก การกระตุ้นให้คนเกิดอารมณ์ร่วมจากความรู้สึกใกล้ชิด ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เรา ๆ อาจจะประสบเข้าสักวันเหมือนกัน (บางคนอาจเคยมีประสบการณ์ร่วมจริง ๆ) จะทำให้คนหันมาสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากขึ้น ฉะนั้น พอมีข่าวว่าคนที่เดือดร้อนแล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือ หน่วยงานมัวแต่เอ้อระเหยไม่ทำงานทำการ รอนานเท่าไรก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง คนก็จะยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองก็เป็นผู้ที่ถูกกระทำเช่นกัน

แรงกดดันของมวลชนนี้เองที่ทำให้หน่วยงานต้องออกมาทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองยังรับผิดชอบและฟังเสียงของประชาชนอยู่ หน่วยงานต่าง ๆ จึงมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเกือบจะทันที หากสิ่งที่พวกเขาเคยเลี้ยงไข้หรือปล่อยเบลอมานานกลายเป็นข่าวดัง และยิ่งสื่อนำเสนอข่าวเรียกทัวร์ได้มากเท่าไร ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดให้เห็นเร็วขึ้นเท่านั้น

ต้องยอมรับว่าในฐานะชาวบ้านธรรมดา หากได้รับความเดือดร้อน ก็ไม่มีอำนาจอะไรจะไปเร่งเร้าให้เกิดการทำงาน เข้าใจว่าการทำงานต้องใช้เวลา แต่การรออย่างไม่มีความหวังหรือรอนานเกินไป ความอดทนของคนก็หมดลง การขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนให้ตีแผ่ปัญหาและความเดือดร้อนของตนเอง ก็คือการขอพึ่งพากระบอกเสียงที่มีอำนาจในการกดดันมากกว่าพวกเขา สำหรับเรื่องราวด้านลบ สื่อพร้อมจะมีพื้นที่ให้ตีแผ่เสมอ พอประชาชนทั่วไปรับรู้ถึงปัญหานี้ เสียงก่นด่า การวิพากษ์วิจารณ์จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น (แม้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว)

เมื่อการถูกละเลยถูกทำให้เป็นข่าว คนที่มีหน้าที่แก้ปัญหาแต่เชื่องช้าหรือนิ่งเฉยจะถูกด่า โดยที่การด่านั้นมาจากมวลชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งการด่าก็คืออาวุธที่คนที่ไม่มีอำนาจใช้ต่อรองกับคนมีอำนาจ และเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องอะไรบางอย่าง อย่าดูถูกพลังของมวลชน เพราะมันมีอยู่จริง เรื่องใดก็ตามที่เป็นข่าวขึ้นมาแล้วจึงมักจะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วเสมอ “เป็นข่าว ถูกด่า งานเดิน”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook