ครูบ้านพัง ร้องทุกข์ไปแล้ว หน่วยงานที่รับผิดชอบยืดเยื้อกว่า 3 ปี สุดท้ายไม่รับผิดชอบ
เรียกว่ากลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ชาวโซเชียลเห็นถึงการดำเนินการที่มีความหละหลวมของหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นอย่างมาก หลังจากที่มีการแชร์เรื่องราวของคุณครูท่านหนึ่ง ที่บ้านได้รับความเสียหายจากการ ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและปรับภูมิทัศน์ แต่ดูเหมือนจะไม่รับผิดชอบและเยียวยาให้กับคุณครู
เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกแชร์โดยแฟนเพจ บ้านครูกันต์ สอนพิเศษ ปทุมธานี โดยคุณครูได้ลงภาพความเสียหายของบ้าน ตลอดจนข้อมูลและเรื่องราวผ่านทางแฟนเพจของคุณครู โดยคุณครูได้เล่าว่า
ขอนอกเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับเพจหน่อยนะคะ
รูปบ้าน เป็นบ้านครูกันต์เองค่ะ
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 เกิดเหตุปั้นจั่นล้มทับบ้าน ในเวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งตัวครูกันต์ก็พักผ่อนภายในบ้าน ต้องวิ่งหนีออกจากบ้าน (ข้างบ้านกำลังมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ตามแนววัดริมแม่น้ำ) บ้านพังไปส่วน และทรุดตัวลงจากการกระแทก ประตูบ้านปิดไม่ได้ จนครูกันต์ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ต้องอยู่เฝ้าบ้าน เบื้องต้นมีการพูดคุยในการซ่อมแซม ครูกันต์ก็ไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะเห็นมาเจรจา แต่กลายเป็นว่า ไม่มีจุดมุ่งหมายในการซ่อม สุดท้ายได้เข้าแจ้งความแต่ก็เหมือนไร้ผล จนครูกันต์เข้าไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปทุมธานี จนมีการติดต่อจาก โยธาจังหวัด จึงเกิดการเจรจาและกำหนดวันซ่อมและแล้วเสร็จ
แต่กว่าจะเสร็จต้องปวดหัวกับผู้รับเหมา เสาบางต้น ประตูบ้าน (เป็นบานกระจก) ครูกันต์ต้องซื้อเอง เพราะเขาลีลาในการรับผิดชอบ เพราะเราเริ่มรำคาญ อยากให้คนพวกนี้ไปไกลๆ สักที อยากอยู่สงบๆ พอเรายอมตรงนี้ ก็กลายเป็นว่า มาลีลาทาสีบ้านอีก ก็ต้องให้โยธามา ดำเนินการอีกเพราะไม่เป็นไปตามข้อตกลง จนสุดท้าย ทาภายในให้ครึ่งหลัง ครูกันต์กับแฟนต้องมาช่วยกันทาเอง และจัดเก็บข้าวของเอง จนครูกันต์ปวดขา ขาอ่อนแรง เดินได้แค่ระยะสั้นๆและอ่อนแรง อยู่หลายเดือน กว่าจะหาย แต่กลายเป็นว่าอยู่บ้านได้ประมาณ 3 เดือน
บ้านทรุดอีก จนฝาบ้านเริ่มอ้าออก จึงแจ้งเรื่องไปทางโยธาอีกครั้ง โยธาก็ลงมาดูและทำการเซฟบ้าน ซึ่งในสายตามองเป็นการเซฟที่หลวมมาก แต่ก็ไม่คิดว่าดินจะไหลไปขนาดนั้น สรุปว่า เขื่อนไหลลงแม่น้ำ ดึงบ้านจนเอนเฉียงเทลง ทางผู้รับเหมาและโยธา มาเจรจาโดยการให้เราย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะอันตราย และต้องรื้อบ้านเราบางส่วนเพื่อไม่ให้เกิดการเสียหายมากกว่านี้ และให้ค่าเช่าบ้านเดือนละ 4,000 บาท ครูกันต์ก็ไม่ได้ต่อรองอะไร คิดในใจ คืออย่างน้อยเขาแสดงความรับผิดชอบ ถึงรู้ว่า 4,000 บาท หาบ้านเช่าราคานี้ค่อนข้างยาก และคิดว่าเดี๋ยวเขาคงรีบแก้ไข
แต่กลายเป็นว่า วันมารื้อ รื้อทั้งหลังของบ้านหลัก และ รื้อแบบพังยับ แบบไม่ต้องเหลือของมาทำ ถีบเสาบ้านให้ล้ม ตีฝาบ้านให้แตก ข้าวของที่เรามูฟไว้อีกฝั่งที่เขาแจ้งว่าไม่รื้อ กลายเป็นว่าถูกโยนทิ้งจนพัง รูปรับปริญญา ต่างๆ ถูกโยนทิ้ง บ้านทั้งหลังใช้เวลารื้อไม่กี่ชั่วโมง ครูกันต์โทรหาโยธา ว่ารื้อแบบนี้ คือจะรับผิดชอบซื้อให้ใหม่ใช่ไหม ไร้คำตอบ เขาขอตัวไปโทรหาผู้รับเหมา แต่ทุกอย่างคือพังหมดแล้ว สุดท้ายมีการเรียกประชุม ทำหนังสือสัญญาว่าจะรับผิดชอบปลูกบ้านให้ใหม่ในพื้นที่เดิม แต่ขอตรวจวัดค่าดิน และ หาสาเหตุที่เขื่อนไหลออกไปที่แม่น้ำก่อน
รอตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2565 เขาทวงถามว่ามีความคืบหน้าอะไรไหม จะกำหนดได้ยังจะทำบ้านเมื่อไหร่ ผลสรุป คือเราไม่สามารถปลูกตรงนั้น เพราะสภาพดินอ่อน ถ้าปลูกจะพังอีกและตัวเราจะเกิดอันตราย จึงขอให้เราย้ายออกจากจุดนั้น และได้มีการประชุมอีก สรุปค่าเสียหาย โดยทางโยธาได้ทำการตีราคาบ้าน โดยใช้ราคาการประเมินบ้านกลาง ทำการตีให้ รวมค่าเสียหายทรัพย์สินเรา ส่วนค่าเสียเวลาที่เราต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ครูกันต์ได้แจ้งให้ทางบริษัทพิจารณา ว่าจะให้ จะช่วยเหลือเท่าไหร่ ใช้เวลารอคำตอบร่วม 2 เดือน ต้องคอยตามทวงถาม สุดท้ายวันนี้ได้คำตอบประมาณว่า ไม่ปลูก (ด้วยสาเหตุที่ทางผู้รับเหมาโกหก เพราะครูกันต์มีหลักฐานการยินยอมในการปลูกพื้นที่นั้นอย่างถูกต้อง) และไม่จ่ายค่าบ้าน
คือไม่ปลูก ไม่จ่าย น่าจะประมาณว่าให้ไปฟ้องเอาเอง ใครมีความคิดเห็นยังไง และ คิดว่าครูกันต์ ควรเดินทางไปทางไหนดีในเรื่องนี้ เพื่อให้เราได้รับความยุติธรรม ฝากแชร์เผื่อมีใครให้คำแนะนำที่ดีกับครูกันต์ได้
รบกวนด้วยนะคะ เหตุเกิดที่...วัดสามัคคียาราม ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
หลังจากที่คุณครูได้นำเรื่องราวดังกล่าวแชร์ออกไป ก็เรียกว่ากลายเป็นกระแสไวรัล ที่ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย และยังช่วยกันแชร์ให้ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขและรับผิดชอบ
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ