เป็นคนรุ่นใหม่ เก็บเงินก่อนสร้างความมั่นคงชีวิตในระยะยาว

คนรุ่นใหม่ ๆ เป็นกลุ่มคนที่มักถูกจับตามอง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เข้าถึงเทคโนโลยีและมีกำลังซื้อมากกว่าคนกลุ่มอื่น ด้วยสาเหตุที่ภาระทางการเงินยังไม่สูง รวมถึงเป็นกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานและกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ทำให้มีรายได้ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่คนรุ่นใหม่กลับเป็นกลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็น “คนที่สามารถหาเงินได้เยอะแต่ก็ยังไม่รวยสักที” หรือที่เรียกว่า คนยุค Henry

ปัญหาหนึ่งที่ถูกพบมากที่สุดของคนรุ่นใหม่คือ “พฤติกรรมการใช้เงิน” ที่มีแนวโน้มการใช้เงินเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการ แต่ก็มีคนรุ่นใหม่อีกจำนวนไม่น้อยที่ตื่นตัวเรื่องการเงิน เพราะต้องการสร้างความมั่นคงของชีวิตให้ได้เร็วขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในการวางแผนชีวิตให้เติบโตและสบายได้ในอนาคต

สำหรับใครที่สนใจการฝึกวินัยในการออมเงิน แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากสิ่งใด ลองมาเริ่มต้นทำกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นการฝึกตัวเองให้เกิดการออมเงิน ที่ทำได้ง่าย ๆ แถมได้ประโยชน์ในระยะยาวอีกด้วย “เงินเก็บ” เป็นสิ่งที่ทุกคนวางเป้าหมายเอาไว้ เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในอนาคต ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีการเก็บเงินต่างกันออกไป และยิ่งเป็นเด็กจบใหม่หรือนักศึกษาจบใหม่ด้วยแล้ว ควรวางแผนการเงินเอาไว้ให้เป็นระบบที่สุด เพราะอย่าลืมว่าค่าครองชีพในยุคสมัยนี้สูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อให้มีเงินสมดุลกับรายได้ และไม่เดือดร้อนในภายหลัง

บทความนี้ Tonkit360 จึงมีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับคนยุคใหม่ที่อยากออมเงินได้เร็ว เพื่อเป็นการสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงมาบอก ดังนี้

อย่าก่อหนี้บริโภค

เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญในอันดับต้น ๆ เพราะกลุ่มของหนี้บริโภคนั้นไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เหล่านี้ล้วนแต่เป็นหนี้ที่อัตราดอกเบี้ยสูงมาก สูงถึงระดับ 18-28 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เรียกว่าถ้าเราเผลอไปเป็นหนี้เหล่านี้ รับรองว่าชีวิตเหนื่อยตั้งแต่อายุยังน้อยแน่นอน

พฤติกรรมที่ก่อปัญหาทำให้เกิดนี้บัตรเครดิตอีกเรื่องคือ การใช้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ โดยถ้าหากวงเงินของบัตรใบหนึ่งหมด ก็จะนำบัตรเครดิตอีกใบมาใช้ จนท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ตามมา คือหนี้ที่พอกพูน ดังนั้น ควรมีเท่าที่จำเป็น มีเท่าที่กำลังจะสามารถจ่ายได้ เป็นหนี้ตอนอายุยังน้อยอาจทำให้ขาดโอกาสในหลาย ๆ เรื่องในชีวิตได้

ออมเงินขั้นต่ำ 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้

เป้าหมายการออม ก็ให้เริ่มจากการออมเพื่อเก็บเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินเป็นเป้าหมายแรก จากนั้นค่อยขยับไปสู่การเก็บออมเพื่อลงทุนสร้างความมั่งคั่งในลำดับถัดไป หากมองว่าการออมที่ระดับ 10-20 เปอร์เซ็นต์อาจเป็นภาระมากเกินไป ก็อาจปรับลดเหลือสัก 3-5 เปอร์เซ็นต์ก่อนก็ได้แต่ไม่ออมเลยไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะหมดกำลังใจไปเสียก่อน คิดง่าย ๆ ว่าทำงานทั้งเดือนก็ให้มีเงินเหลือเก็บไว้ให้ตัวเองได้เห็นยอดเงินออมให้ชื่นใจก็ยังดี ซึ่งการออมก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ

บัญชีออมทรัพย์ปิดตาย ไม่มีบัตรยังคงเป็นการเก็บเงินสุดคลาสสิกที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เริ่มต้นการออม ที่ช่วยหักห้ามการถอนมาใช้ได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งเป็นการหักเงินโดยอัตโนมัติก็เป็นอะไรที่ท้าทายตัวเองในทุกเดือนพอสมควร

บัญชีฝากประจำ บัญชีฝากประจำของแต่ละธนาคารจะมีเงื่อนไขในการฝากเงินเป็นประจำสม่ำเสมอ ที่ช่วยให้ไม่เผลอเอาเงินออกมาใช้ และมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1-2% ขยับขึ้นมาจากการฝากออมทรัพย์ธรรมดา แต่ต้องดูรายละเอียดการฝากประจำที่จะมีการเรียกเก็บภาษี และปลอดภาษีเพื่อบริหารให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเองด้วย

ออมแบบซื้อสลากออมทรัพย์ สลากออมทรัพย์คือการออมเงินประเภทหนึ่งที่มีการให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่ตกลงคล้ายกับการฝากประจำ มีความพิเศษคือมีโอกาส “ลุ้นหวย” ทำให้มีโอกาสลุ้นเป็นเศรษฐีระหว่างที่ฝากเงินด้วย การออมรูปแบบนี้จะมีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน เช่น 1 ปี 3 ปี ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ตอนครบเวลาฝาก เราจะได้รับเงินก้อนที่เป็นเงินต้นที่ซื้อไว้คืนทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาที่ฝากด้วย

เริ่มต้นการลงทุนให้ไว

ระหว่างที่เริ่มเก็บเงิน อยากให้เริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนควบคู่กันไปด้วย ตอนที่เงินยังไม่เยอะมากนี่แหละ คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด พอศึกษาได้สักหน่อย ก็ให้เริ่มต้นลงทุนเท่าที่เรารู้และเข้าใจ เมื่อมั่นใจก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเงินลงทุน ซึ่งรูปแบบการลงทุนในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการซื้อหุ้น, ลงทุนเงินออม, ลงทุน Bitcoin, ออมทอง, ซื้อสลากออมทรัพย์, การทำประกันเงินออม หรือแม้แต่การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นต้น มีตัวอย่างมากมายในเด็กจบใหม่ที่เริ่มลงทุนตั้งแต่ตอนเรียน ก่อนเรียนจบก็สามารถมีเงินในพอร์ตหลักแสน ซึ่งเงินสะสมก้อนนี้จะช่วยให้เรามีความมั่นใจทางการเงินในช่วงอายุต่อไปได้อย่างสบาย