ไม่ได้ขี้เกียจ! คนยุคกลางไม่ชอบอาบน้ำเพราะเชื่อว่ามันสกปรก

ไม่ได้ขี้เกียจ! คนยุคกลางไม่ชอบอาบน้ำเพราะเชื่อว่ามันสกปรก

ไม่ได้ขี้เกียจ! คนยุคกลางไม่ชอบอาบน้ำเพราะเชื่อว่ามันสกปรก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครจะไปคิดว่าประโยคอย่าง “คนสะอาดที่ไหนเขาอาบน้ำ” จะเคยเป็นความคิดของคนยุโรปในสมัยก่อน เพราะเชื่อจริงๆว่าการอาบน้ำเป็นสิ่งไม่จำเป็นและเป็นภัยต่อความสะอาด จนแทบจะเรียกได้ว่าการอาบน้ำเป็นการเปิดรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แม้ต่อให้กลิ่นตัวจะฉุนราวสัตว์ป่าก็ตาม

ถึงอดีตชาวโรมันตัวจะเป็นชนชาติแรกๆที่คิดค้นระบบรางขนส่งน้ำและโรงอาบน้ำรวมเพื่อจัดสรรพื้นที่ทำความสะอาดอย่างเป็นหมวดหมู่ ก่อนที่จะแพร่วัฒนธรรมโรงอาบน้ำไปยังประเทศต่างๆ ในแถบยุโรปให้เห็นดีเห็นงามกระทั่งกลายเป็นอารยธรรมสำคัญ

ไปอาบน้ำ=ปัดทินเดอร์

การเปิดโรงอาบน้ำสาธารณะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจาก การทำน้ำอุ่นไว้สำหรับอาบเป็นเรื่องที่ใช้กำลังคนเยอะมากในสมัยก่อน เพราะคงไม่มีไอหนุ่มหรือนางสาวคนไหนกระเหี้ยนกระหือรืออาบน้ำเย็นในแถบประเทศที่หนาวจัดจนหิมะตกได้แน่นอน มีการจิบไวน์แดงกลางบ่อน้ำอุ่น เมาท์มอยรวมไปถึงโรงอาบน้ำถูกใช้เป็นสถานที่นัดแนะจุ๋งจิ๋งและดีลกันไปกินต่อที่บ้านด้วยเช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่าโรงอาบน้ำไม่ต่างอะไรกับปาร์ตี้วัยรุ่นในสมัยนี้ ที่เต็มไปด้วยของกิน การนินทา และมั่วเซ็กส์หาคู่นอนกันอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งภายหลังการหาคู่นอนในห้องนี้จะกลายเป็นต้นกำเนิดอาชีพโสเภณีในช่วงเวลาต่อมา จนคริสตจักรต้องออกประกาศแบนการอาบน้ำเลยทีเดียว

ไม่อาบน้ำ=แฟชั่น

จากคำเตือนไม่สนับสนุนให้ประชาชนยุคกลางอาบน้ำโดยเหล่านักบวชที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์คุมความคิด มีการบอกว่าอาบน้ำจะทำให้เนื้อตัวสกปรก เป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโรค เนื่องจากการอาบน้ำทำให้รูขุมขนตามตัวกว้างขึ้นจนเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายง่ายขึ้นนั่นเอง

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้กระแสไม่อาบน้ำเป็นเทรนด์ฮิตโดยเฉพาะหมู่ชนชั้นสูงที่ชื่นชอบอะไรใหม่ เหล่าคนรวยพยายามอาบน้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้และหันมาพึ่งน้ำหอมเพื่อปกปิดกลิ่นตัว

มีโซเชียลไอคอนนำเทรนด์ไม่อาบน้ำเด่นหลายคน ได้แก่ ราชินีอาลิซาเบ็ธที่ 1 ที่ให้ความเห็นว่าการอาบน้ำต้องเปลือยกาย และการเปลือยกายนำมาสู่การล่วงประเวณี หรือจะเป็น พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่มีประวัติว่าทั้งชีวิตอาบน้ำแค่เพียง 3 ครั้งเท่านั้น จนถูกจารึกในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสว่าพระองค์ทรงมีกลิ่นตัวยั่วยวนราวสัตว์ป่า

โดยวัฒนธรรมการไม่อาบน้ำเพราะมองว่าเป็นเรื่องสกปรกนี้ ไม่เพียงแต่สร้างกระแสเหยียดคนชั้นแรงงานที่ต้องอาบน้ำบ่อยๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาเรื่องกลิ่นได้นำมาสู่การพัฒนาสูตรน้ำหอมต่างๆ มากมายโดยเฉพาะแถบฝรั่งเศส จนกลายเป็นประเทศขึ้นชื่อเรื่องน้ำหอมในปัจจุบัน

ตัดกลับมายุคปัจจุบัน การอาบน้ำได้ถูกกลับมาเป็นกิจวัตรที่ต้องทำอีกครั้งเพื่อล้างเนื้อล้างตัวจากสิ่งสกปรกต่างๆ โดยเฉพาะในยุคเชื้อโรคครองเมืองนี้ แต่ถ้าใครรู้สึกขี้เกียจจริงๆหรือไม่อยากเอาเรือนร่างไปสัมผัสน้ำเย็นก็ลองหาสเปรย์แอลกอฮอล์หอมๆมาฉีดแล้วอ้างว่าเลียนแบบคนยุคโบราณดูก็เท่ดีเหมือนกันนะ

ติดตามเรื่องแปลกๆที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับสุขภาพได้อีกที่ iNN Lifestyle

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook