รวมสูตร Excel ที่ควรรู้ ช่วยคำนวณตัวเลขแบบประหยัดเวลา

รวมสูตร Excel ที่ควรรู้ ช่วยคำนวณตัวเลขแบบประหยัดเวลา

รวมสูตร Excel ที่ควรรู้ ช่วยคำนวณตัวเลขแบบประหยัดเวลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โปรแกรม Excel นั้นเรียกว่าเป็นโปรแกรมพื้นฐานที่หลายๆ คนจำเป็นต้องใช้ ทั้งในช่วงเวลาเรียน และช่วงเวลาทำงาน โดยส่วนมากแล้ว ผู้ใช้ โปรแกรม Excel ส่วนใหญ่จะใช้ในการหาผลลัพธ์ต่างๆ ของตัวเลขนั่นเอง ซึ่งมันก็มี "สูตร Excel" ที่จะทำให้เราหาค่าออกมาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

ในวันนี้ Sanook Campus เราก็เลยได้รวบรวม "สูตร Excel" ที่เอาไว้ใช้ในการหาค่าผลลัพธ์ต่างๆ เอาไว้ใช้คำนวณด้วยความรวดเร็วในแบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องคิดเลขมาฝากเพื่อนๆ กัน

รวม 13 สูตร Excel ช่วยคำนวณตัวเลขแบบประหยัดเวลา

  1. สูตรที่ 1 SUM : การหาผลรวม

    SUM ใช้ในการหาผลรวมของตัวเลข SUM(number1, [number2], …) ในวงเล็บ คือช่วงเซลล์ที่มีตัวเลขที่ต้องการหาผลรวม

    ตัวอย่าง =SUM(A2:A6)
    สูตร SUM : การหาผลรวมสูตร SUM : การหาผลรวม
  2. สูตรที่ 2 SUMIF : การหาผลรวมในช่วงที่กำหนดไว้

    SUMIF ใช้ในการหาผลรวมของตัวเลขในช่วงที่กำหนดไว้ SUMIF(range, criteria, [sum_range])

    range หมายถึง ช่วงเซลล์ที่มีเงื่อนไขที่ระบุใน criteria

    criteria หมายถึง เงื่อนไขที่ระบุ โดยจะเป็นตัวเลขหรือความข้อความก็ได้

    [sum_range] หมายถึง ช่วงเซลล์ที่ต้องการให้หาผลรวมตามเงื่อนไขที่เราระบุไว้

    ตัวอย่างที่ 1 =SUMIF(B2:B11,B4,C2:C11)
    ตัวอย่างที่ 2 ตามรูปด้านล่าง
    สูตร SUMIF : การหาผลรวมในช่วงที่กำหนดไว้สูตร SUMIF : การหาผลรวมในช่วงที่กำหนดไว้
  3. สูตรที่ 3 AVERAGE : การหาค่าเฉลี่ย

    ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลข AVERAGE(number1, [number2], …) ในวงเล็บคือ ช่วงเซลล์ที่มีตัวเลขที่ต้องการหาค่าเฉลี่ย

    ตัวอย่าง =AVERAGE(C2:C11)
    สูตร AVERAGE : การหาค่าเฉลี่ยสูตร AVERAGE : การหาค่าเฉลี่ย
  4. สูตรที่ 4 MAX/MIN การหาค่าสูงสุด/ต่ำสุด

    ใช้ในการหาค่าที่มากที่สุด/น้อยที่สุดของชุดตัวเลข

    MAX(number1, [number2], …) ในวงเล็บคือ ช่วงเซลล์ที่มีตัวเลขที่ต้องการหาค่าที่มากที่สุด

    MIN(number1, [number2], …) ในวงเล็บคือ ช่วงเซลล์ที่มีตัวเลขที่ต้องการหาค่าน้อยที่สุด

    ตัวอย่าง =MIN(C2:C11) กับ =MAX(C2:C11)
    สูตร MAX/MIN การหาค่าสูงสุด/ต่ำสุดสูตร MAX/MIN การหาค่าสูงสุด/ต่ำสุด
  5. สูตรที่ 5 SMALL/LARGE: การหาจำนวนที่มีค่าน้อยที่สุดเป็นอันดับ X หรือ มากที่สุดเป็นอันดับ Y

    ใช้ในการหาค่าที่น้อยที่สุดเป็นอันดับ X ของชุดตัวเลข / ค่าที่มากที่สุดเป็นอันดับ Y ของชุดตัวเลข

    SMALL(array,X) อาร์เรย์หรือช่วงของข้อมูลตัวเลขที่คุณต้องการระบุค่าที่น้อยที่สุด

    LARGE(array,Y) อาร์เรย์หรือช่วงข้อมูลที่คุณต้องการระบุค่าที่มากที่สุดเป็น
    สูตร SMALL/LARGE: การหาจำนวนที่มีค่าน้อยที่สุดเป็นอันดับ X หรือ มากที่สุดเป็นอันดับ Yสูตร SMALL/LARGE: การหาจำนวนที่มีค่าน้อยที่สุดเป็นอันดับ X หรือ มากที่สุดเป็นอันดับ Y
  6. สูตรที่ 6 COUNT : การนับจำนวนช่อง ที่มีตัวเลขอยู่

    ใช้ในการนับจำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขบรรจุอยู่ COUNT(value1, [value2], …) ในวงเล็บคือช่วงเซลล์ที่ต้องการจะนับ

    ตัวอย่าง =COUNT(A2:A7)
    สูตร COUNT : การนับจำนวนช่อง ที่มีตัวเลขอยู่สูตร COUNT : การนับจำนวนช่อง ที่มีตัวเลขอยู่
  7. สูตรที่ 7 VLOOKUP : การหาข้อมูลโดยอิงจากข้อมูลอีกชุดหนึ่ง

    VLOOKUP(lookup_value, table_array, col_index_num, [range_lookup])

    lookup_value หมายถึง ช่องเซลล์ที่เราต้องการใส่ข้อมูลลงไป

    table_array หมายถึง การเลือกช่วงของข้อมูลจาก column หนึ่ง ถึงอีก column หนึ่ง ที่เราต้องใช้ในการหา

    col_index_num หมายถึง การเลือกว่าข้อมูลที่เราจะค้นหาอยู่ใน column ที่เท่าไหร่ของ table_array

    range_lookup มี 2 ค่า ได้แก่

    TRUE หมายถึง ข้อมูลที่ใส่ลงไปใน lookup_value มีการเรียงจากน้อยไปมาก เช่น 0 , 1 , 2 ,3

    FALSE : ข้อมูลที่เราจะใส่ลงไปใน lookup_value ไม่ได้เรียงกัน ว่าจะน้อยไปมาก หรือมากไปน้อย

    ตัวอย่างที่ 1  =VLOOKUP(C13,B2:C11,2,FALSE)

    ตัวอย่างที่ 2 ตามรูปด้านล่าง
    สูตร VLOOKUPสูตร VLOOKUP
  8. สูตรที่ 8 TODAY : การใส่วันที่ปัจจุบัน

    TODAY ()

    () หมายถึง แค่กด Enter ก็จะแสดงลำดับของวันที่ปัจจุบันตามที่ตั้งค่าไว้ใน Control Panel

    ตัวอย่าง= TODAY () กด Enter
    สูตร TODAY : การใส่วันที่ปัจจุบันสูตร TODAY : การใส่วันที่ปัจจุบัน
  9. สูตรที่ 9 BAHTTEXT : การเปลี่ยนตัวเลขเป็นตัวอักษร

    BAHTTEXT (number) เลขในวงเล็บคือ เซลล์ที่มีข้อมูลเป็นตัวเลขที่ต้องการจะเปลี่ยนเป็นตัวอักษร

    ตัวอย่าง =BAHTTEXT(C13) จะได้ค่าจำนวนเงินเป็นตัวอักษร
    สูตร BAHTTEXT : การเปลี่ยนตัวเลขเป็นตัวอักษรสูตร BAHTTEXT : การเปลี่ยนตัวเลขเป็นตัวอักษร
  10. สูตรที่ 10 DATE : การใส่วันที่ที่ต้องการ

    DATE (year, month, day)

    year, month, day หมายถึง การใส่ ปี เดือน และวันที่ต้องการ โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบที่ตั้งค่าใน Control Panel

    ตัวอย่าง =DATE(2019,6,19)
    DATE : การใส่วันที่ที่ต้องการDATE : การใส่วันที่ที่ต้องการ
  11. สูตรที่ 11 UPPER/LOWER : เปลี่ยนพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่

    คือ การเปลี่ยนข้อความภาษาอังกฤษเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด

    UPPER(text) / LOWER(text)

    text หมายถึง ข้อความที่ต้องการเปลี่ยนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด

    ตัวอย่าง =UPPER(A3) หรือ =LOWER(A2)
    สูตร UPPER/LOWER : เปลี่ยนพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่สูตร UPPER/LOWER : เปลี่ยนพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่
  12. สูตรที่ 12 IF : การทดสอบเงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเท็จ

    IF(logical_test, [value_if_true], [value_if_false])

    logical_test หมายถึง เงื่อนไขที่ต้องการตรวจสอบ

    value_if_true หมายถึง ค่าที่จะแสดงถ้าเงื่อนไขเป็นจริง

    value_if_false หมายถึง ค่าที่จะแสดงถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ

    ตัวอย่างที่ 1 =IF(C2
    ตัวอย่างที่ 2 แบบซ้อนทับมาตรฐานเพื่อแปลงคะแนนสอบของนักเรียนให้เป็นเกรดที่เป็นตัวอักษร
    สูตร IFสูตร IF
    =IF(D2>89,"A",IF(D2>79,"B",IF(D2>69,"C",IF(D2>59,"D","F"))))
    คำสั่ง IF ที่ซ้อนกันอย่างซับซ้อนนี้ทำตามหลักตรรกะอย่างตรงไปตรงมา
    ถ้าคะแนนสอบ (ในเซลล์ D2) มากกว่า 89 นักเรียนจะได้ A
    ถ้าคะแนนสอบมากกว่า 79 นักเรียนจะได้ B
    ถ้าคะแนนสอบมากกว่า 69 นักเรียนจะได้ C
    ถ้าคะแนนสอบมากกว่า 59 นักเรียนจะได้ D
    มิฉะนั้น นักเรียนจะได้ F
  13. สูตรที่ 13 CONCATENATE : การเชื่อมคำ

    CONCATENATE(text1, [text2],…) ในวงเล็บคือ คำที่ต้องการนำมาเชื่อมกัน

    ตัวอย่าง =CONCATENATE(A2," ",A3)
    สูตร CONCATENATE การเชื่อมคำสูตร CONCATENATE การเชื่อมคำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook