ปลูกนิสัย “รักการอ่านหนังสือ” พัฒนาสมอง เสริมสร้างสุขภาพ
ในชีวิตที่แสนยุ่งเหยิงและวุ่นวายตลอดเวลา การนอนหลับให้เพียงพอกลายเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ในทุกวันนี้เราโชคดีมากที่ผ่านสัปดาห์แห่งการทำงานมาได้โดยที่ยังมีเวลานอนหลับเฉลี่ย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งอาจจะผิดปกติไปหน่อยจากคำแนะนำที่ให้นอน 9 ชั่วโมงต่อคืน จนทำให้เกิดคำถามเล็ก ๆ ขึ้นมาว่าใครเป็นคนกำหนดค่าเฉลี่ยของการนอนต่อคืนขึ้นมา และที่สำคัญมากไปกว่านั้น พวกเขาทำได้อย่างไรกัน?
ความจริงก็คือ เราทุกคนสามารถเพิ่มเวลานอนได้ดีกว่านี้ ถ้าเราขยันทำงานและจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จในเวลา เราก็จะมีเวลามากขึ้นนั่นเอง มีผลงานวิจัยหนึ่งบอกว่าคนที่อ่านหนังสือบนเตียงในเวลากลางคืนไม่เพียงแต่มีความผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังพบว่ามันช่วยลดความเครียด ชักนำให้นอนหลับ ไม่ทำให้ฟุ้งซ่าน พัฒนาคุณภาพในการนอน และแม้กระทั่งช่วยในการทำงานด้วย นอกจากนี้การอ่านหนังสือยังช่วยให้คุณฉลาดขึ้น ก้าวหน้าขึ้น และมีสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย
ช่วยพัฒนาความเข้าใจและความจำ
ยิ่งอ่านยิ่งจำ หากเราได้อ่านหนังสือเรื่องเดิมหลาย ๆ รอบ แม้ว่าตอนแรกสมองของเราอาจจำได้น้อยมาก แต่ต่อมายิ่งอ่านซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เราก็จะพบว่าเราจำได้มากขึ้นจริง ๆ และเกิดความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น ประโยชน์ของการอ่านหนังสือ ประโยชน์ข้อที่สองที่จะได้รับ ก็คือ พัฒนาสมองได้ทุกวัย แม้แต่เด็กออทิสติก หรือเด็กที่มีภาวะแอลดี (LD) หรือเกิดความผิดปกติในการเรียนรู้ ก็ยังสามารถพัฒนาพฤติกรรมต่าง ๆ รวมทั้งความสามารถแต่ละด้านได้
ช่วยลดความเครียด ทำให้ผ่อนคลาย
เมื่อได้อ่านหนังสือที่ดี เรื่องราวในนั้นจะทำให้จิตใจคุณจดจ่ออยู่ที่อื่นสักพัก หยุดฟุ้งซ่านจากความเครียดและความกังวลในชีวิตประจำวัน ทิ้งปัญหาหนักอึ้ง ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดไว้ข้างหลังได้ นอกจากนี้การอ่านยังช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และหายใจช้าลง ทำให้คุณรู้สึกสงบอีกด้วย
ช่วยในเรื่องสุขภาพตาและการนอนหลับ
ปัจจุบันมีการอ่านหนังสือผ่านหน้าจอกันมากขึ้น แต่รู้ไหมว่าแสงสีฟ้าเป็นแสงที่จะไปยับยั้งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตและจะเพิ่มความตื่นตัวให้ตัวคุณในช่วงเวลาที่คุณไม่ควรตื่นตัว และเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางสายตาเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นหากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการอ่านผ่านจอ มาอ่านหนังสือแทนจะช่วยให้คุณมีสุขภาพดี และช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้นอีกด้วย