รับมือกับ “มิตรภาพที่จืดจาง” เพื่อนกันอาจไม่ตลอดไป
เมื่อเราโตขึ้น เพื่อนที่ยังสนิทกันอยู่จะค่อย ๆ เหลือน้อยลง กับเพื่อนบางคนเราจะรู้สึกว่ากาลเวลาค่อย ๆ คัดสรรเอาคนที่ไม่ค่อยคลิกกับเราเท่าไรออกไป แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยสนิทสนมกันมากเพียงไรก็ตาม เหลือแค่คนที่รู้สึกว่าซี้ปึ้กจริง ๆ ประเภทที่ว่าศีลเสมอกันสุด ๆ ต่อให้กาลเวลาจะผ่านมานานหรือห่างหายกันไปเป็นชาติ โลกก็จะเหวี่ยงเรากลับมาเจอกันใหม่ คนที่ใช่อย่างไรเสียก็คือคนที่ใช่อยู่วันยังค่ำ!
แน่นอนว่าการสูญเสียเพื่อนที่เคยสนิทกันไป ในใจมันก็คงจะรู้สึกหนึบ ๆ แน่น ๆ อยู่บ้าง ทว่าก็ปลงได้ว่าคนเราอะนะถ้าเขาจะไป รั้งให้ตายเขาก็ไป ดังนั้น ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ อยากไปก็ไปแล้วกัน ตัวเราเองก็มีอะไรต้องทำตั้งมากมาย ไม่มีเวลามาคอยยื้อคนนั้นคนนี้เอาไว้ในชีวิตหรอก
มิตรภาพมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของมนุษย์ เราจึงเรียนรู้ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ รู้สึกถูกชะตาด้วย มีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ อย่าง ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน พูดภาษาคล้าย ๆ กัน ใจตรงกันในหลาย ๆ เรื่อง ชนิดที่ว่าแค่มองตาก็รู้ใจ เข้าสู่ขั้นที่สามารถเรียกคนคนนั้นได้อย่างเต็มปากว่าเป็น “เพื่อน” หรือ “เพื่อนสนิท” แต่มิตรภาพมันก็เหมือนสสารทุกอย่าง ที่จืดจางได้ เลือนรางได้ และหมดอายุได้
เมื่อมิตรภาพเริ่มจืดจางลง จาก “เพื่อนกันตลอดไป” อาจแปรเปลี่ยนเป็น “เพื่อนกันไม่ตลอดไป” ทุกการสูญเสียมีคนที่จะต้องเจ็บปวด เพราะเพื่อน ๆ เหล่านั้นล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา ดังนั้น เมื่อความไม่เหมือนเดิมมาเยือน เราจึงรู้สึกเสียศูนย์และมีความรู้สึกเชิงลบอื่น ๆ ครอบงำ ทั้งความเศร้า ความโกรธ ความว้าเหว่ ความโดดเดี่ยว ความทรมาน เพราะเสียคนที่เคยเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นความมั่นคง เป็นความปลอดภัยในชีวิตไป คำถามคือ แล้วเราจะรับมือกับมิตรภาพที่จืดจางลงอย่างไรดี
ทุก ๆ อย่างย่อมมีวันจบลง
“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา” คือสัจธรรมอีกอย่างที่คนเราต้องเรียนรู้อยู่ทุกครั้งเมื่อพบว่ามีใครสักคนเลือนหายไปจากชีวิต เอาเข้าจริง ใคร ๆ ก็คิดว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนที่สุดแล้ว เราอาจจะเลิกคบไปแฟนกี่คนก็ได้ โดยที่พบว่าพวกแก๊งเพื่อนนี่แหละที่ยังอยู่เคียงข้างกันเสมอมาในวันที่เราเจ็บปวดหัวใจ แต่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนมันเปราะบางไม่น้อยไปกว่าความสัมพันธ์แบบอื่นเลย เราสามารถผิดใจกับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง จนประกาศตัดสัมพันธ์กันเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อมันถึงคราวที่ต้องจบลงจริง ๆ เราเลยมักจะทำใจได้ยากลำบาก ใช้เวลาร่วมกันมาตั้งมากมายขนาดนั้น ได้แต่ปลอบตัวเองว่าทุกความสัมพันธ์มี “วันหมดอายุ” ไม่เร็วก็ช้า
การสูญเสียเพื่อนสนิทย่อมปวดร้าว
เป็นความจริงที่ว่าการเลิกเป็นเพื่อนซี้กับใครสักคน ทำให้รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดได้พอ ๆ กับการเลิกรากับคนรัก นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน มันก็ก่อเกิดความรักรูปแบบหนึ่งขึ้นมาเหมือนกัน เราอาจจะไม่เคยตระหนักเลยก็ได้ว่าเพื่อนสำคัญกับชีวิตเรามากกว่าที่คิด เพราะ “เพื่อน” คือบุคคลที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด ทำให้พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ หรือวิธีคิดของเราถูกหล่อหลอมขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่สนิทสนมกัน เป็นส่วนประกอบที่สร้างตัวตนของเราขึ้นมา เกิดเป็นพื้นที่ปลอดภัยและความสบายใจของกันและกัน เมื่อต้องนึกถึงเหตุการณ์ที่เลิกเป็นเพื่อนกับอดีตเพื่อน มันจึงรู้สึกเจ็บแปล้บ ๆ ที่หน้าอกและเศร้าเสียใจขึ้นมาที่สูญเสียมันไป
อย่าปล่อยให้มีความเคลือบแคลงใจในความสัมพันธ์
ความสงสัยมักนำไปสู่การลดระดับความเชื่อใจลง เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เพื่อนแต่ละคนต่างก็มีเหตุผลที่ต้องแยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมันในเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป หากระหว่างนั้นต่อกันไม่ติด มันก็จะเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ทำให้เราและเพื่อนสัมผัสได้ถึง “ความไม่เหมือนเดิม” เริ่มสงสัยว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่าความสำคัญของเราถึงถูกลดทอนลง เขาเห็นคนอื่นดีกว่าหรือเปล่า ความคิดนี้จะค่อย ๆ พัฒนาจากความน้อยใจไปสู่ความโกรธ รู้สึกว่าถูก “ทรยศ” หรือ “หักหลัง” ในขณะเดียวกัน การจะเปิดอกพูดคุยก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนแบบไม่เคอะเขิน จบที่ต่างฝ่ายที่จะอยู่เงียบ ๆ แล้วค่อย ๆ เลือนหายจากกันไปตามธรรมชาติ
อย่าคาดเดา อย่าคิดไปเอง
ขึ้นชื่อว่า “การคาดเดา” มันคือการที่เราคิดคาดเอาเองจากประสบการณ์ฝั่งเราคนเดียว รวมถึงจากสิ่งที่เราเห็น เราได้ยิน เรารู้สึก เอามาประมวลผลรวมกัน ซึ่งเราอาจปะติดปะต่อมันขึ้นจากเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของเหตุการณ์ทั้งหมด หรือเป็นเพียงการตีความจากมุมมองของเราเองคนเดียว โดยที่ไม่มีข้อมูลใด ๆ จากอีกฝ่ายมาผสมเลย และก็ไม่ได้แปลว่าเราจะคาดเดาได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าต้องการความชัดเจนก็สื่อสารกันเถอะ หาความจริงที่ชัดเจนกว่าเราวิเคราะห์เอง ต้องเข้าใจว่าเราต่างก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนอื่น ๆ กำลังคิดอะไรอยู่ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ยืนยันมันก็แค่เรื่องที่เราคิดไปเอง ความสัมพันธ์ที่ต้องมานั่งคาดเดาการกระทำของอีกฝ่าย มันจะไม่ทรมานแย่เหรอ แล้วจะเอาอะไรมามั่นคง
ถ้าเขาคือเพื่อนแท้ ก็จงรักษาไว้ให้ดีที่สุด
คนเรามักจะรู้คุณค่าของบางสิ่งบางอย่างก็ต่อเมื่อกำลังจะสูญเสียมันไป เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะความสัมพันธ์รูปแบบไหนก็ตาม หากขาดการสื่อสาร ขาดปฏิสัมพันธ์ มีความคลางแคลงใจ มีความเข้าใจผิดกันแล้วไม่ยอมเคลียร์ หรือโกรธเคืองไม่พูดคุย มิตรภาพที่เคยมีให้กันมันก็ย่อมจืดจางลงเป็นธรรมดา จากเพื่อนสนิทเหลือแค่เพื่อนห่าง ๆ ในท้ายที่สุดก็อาจจะลดระดับเหลือแค่คนรู้จัก คนเคยรู้จัก แม้กระทั่งเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันดีก็เป็นได้ พิจารณาดูดี ๆ ว่าเขาคือมิตรภาพดี ๆ ที่คุณมีหรือไม่ คือเพื่อนแท้ที่ไม่ต้องการจะเสียไปใช่ไหม ถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบลงที่ “เลิกคบ” เหลือทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำ ก็จงทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อรักษาพวกเขาไว้