“ภัยความมั่น (หน้า)” เรื่องอันตรายในที่ทำงาน
“ที่ทำงาน” เป็นอีกสถานที่ที่รวมเอาคนหลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน เราทั้งหลายต่างรู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงานมากกว่าที่จะเป็นเพื่อน โดยจากบรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหมด มีหลายคนที่เรารู้สึกดีด้วย การได้ร่วมงานกับคนแบบนี้นับเป็นเรื่องโชคดี ในขณะเดียวกัน ก็จะมีเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนทีเดียวที่เราจัดเขาไว้ในกลุ่มมนุษย์ประเภทที่เราไม่อยากจะเสวนาด้วยเท่าไรนัก ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะ “ทัศนคติส่วนตัว” และ “วิธีการทำงาน” ของเขา ที่ทำให้เราพยายามออกห่างเขาให้ได้มากที่สุด อยู่ใกล้แล้วรู้สึกไม่ชอบ ทำงานด้วยแล้วไม่มีความสุข ทุกอย่างเป็นไปในทางลบ
“คนมั่น (หน้า)” จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่ไม่น่าเสวนาด้วย ซึ่งคนมั่นหน้าแตกต่างจากคนมั่นใจเพียงแค่เส้นบาง ๆ กั้น ทำให้บางทีเราก็ออกจะสับสนว่าคนแบบนี้เขา “มั่นหน้า” หรือ “มั่นใจ” กันแน่ หรืออาจจะตีความผิด เข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ ว่าอันไหนคือความมั่นใจจริง ๆ และอันไหนแค่ทำมั่นหน้าเฉย ๆ เพราะ “มั่นหน้า” กับ “มั่นใจ”จะมีพื้นฐานมาจากความมั่นเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริง คนสองแบบนี้ก็แตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างมั่นใจในตัวเองกับชอบมั่นหน้า
สำหรับคนที่ “มั่นใจ” ปกติแล้วคือคนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง ไม่ได้รู้สึกเหนียมอายหรือเคอะเขินหากต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งเราอาจจะเคยเจอคนที่พูดจาเสียงดังฟังชัด ฉะฉาน กล้าแสดงออก โดยเฉพาะเวลานำเสนอผลงาน หรือเสนอไอเดียต่อหน้าที่ประชุม พวกเขาแสดงออกมาได้อย่างมั่นใจ หนักแน่น แต่ก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น เพราะพวกเขารู้จักตัวเองดีว่าอะไรคือจุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง และความน่าชื่นชมอีกอย่าง คือพวกเขาพร้อมจะปกป้องตัวเองอย่างกล้าหาญ หากรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม
ต่างจากคนที่ “มั่นหน้า” ที่เราจะรับรู้ได้ว่าเขาก็มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองเหมือนกันทว่ามันมากเกินไป มากจนกล้าที่จะมองข้ามข้อด้อยของตัวเองเพื่อที่เห็นแต่ข้อดี แล้วบอกกับคนอื่นว่าตนเองนั้นสมบูรณ์แบบ ดังนั้น คำว่ามั่นหน้าจึงมักจะเอาใช้นิยาม คนที่มีความเป็นตัวเองสูงมากจนไม่ฟังใคร (หรือที่เราอาจรู้จักว่าเป็นพวกที่อีโก้สูง) และชอบคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นอยู่เสมอ ฉันคือที่สุดของความเจ๋ง โลกต้องหมุนรอบตัวฉัน มักจะรับรู้ตัวตนของตัวเองเกินความเป็นจริง จนเผลอไปลดทอนคุณค่าและความคิดของคนอื่น
เหตุผลที่เพื่อนร่วมงานพากันหมั่นไส้
อย่างที่อธิบายไปแล้ว ว่าคนที่มั่นใจนั้นส่วนใหญ่พวกเขาจะโฟกัสที่ตนเองเป็นหลัก มีความศรัทธาในความสามารถของตัวเองว่าฉันทำอะไร ๆ ให้ประสบความสำเร็จได้ ทำให้ผู้อื่นยอมรับด้วยการพิสูจน์ให้เห็น พยายามให้ได้มาซึ่งความสำเร็จเพื่อที่จะได้เอาไปปิดปากผู้คนที่จ้องจะวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะที่คนมั่นหน้า พฤติกรรมของพวกเขาจะแตกต่างจากคนที่มั่นใจออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะลึก ๆ แล้วพวกเขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด จึงพยายามที่จะกดให้คนอื่นอยู่ต่ำกว่าตนเองเพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่สูงที่สุดเพียงแค่คนเดียว รู้สึกไม่ปลอดภัยหากใครจะได้ดีกว่า เพราะมันจะทำให้คุณค่าในตัวพวกเขาหายไป และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนของตัวเองอยู่ที่ไหน
การที่คนมั่นหน้ามักจะพยายามทำตัวเองให้โดดเด่นด้วยการโอ้อวดตัวเองเกินจริง (จนอาจเข้าขั้นหลงตัวเอง) และเหยียบคนอื่นนี่แหละที่ทำให้เพื่อนร่วมงานหลาย ๆ คนรู้สึกไม่ชอบหน้า หมั่นไส้ และรำคาญกับความพยายามที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ทั้งที่มันไม่ใช่ตัวเองจนเกินพอดี ไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง จะเดือดร้อนอะไรกับพฤติกรรมเหล่านั้นหรือไม่ ทำผิดไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้ตัว ไม่ยอมรับว่าทำผิด เป็นศูนย์กลางของจักรวาลที่โลกต้องหมุนรอบตัวฉันเท่านั้น จึงทำให้ใคร ๆ ก็ไม่อยากที่จะร่วมงานด้วย
จงเป็นคนที่มั่นใจ ลดอีโก้ และความมั่นหน้าลงมา
จริง ๆ แล้ว ความมั่นหน้าเกินเบอร์ชนิดเกินเยียวยา อาจเป็นปมมาจากจากประสบการณ์ในอดีตที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องพยายามทำให้ตัวเองมีความมั่นใจจากการกดคนอื่นให้ต่ำลง คนประเภทนี้อาจไม่รู้ตัวเองว่าที่ทำอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับบางคนที่ยังพอจะดึงสติตนเองกลับมาได้ ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าการมั่นใจ (ในตัวเอง) กับมั่นหน้านั้นมันแตกต่างกัน การเป็นคนมีความมั่นใจในการทำงานนั้นเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อไรก็ตามที่มันเกินขอบเขตจนกลายเป็นความมั่นหน้า เป็นอีโก้ที่สูงเสียดฟ้าจนหาทางลงไม่ได้ แบบนั้นมันจะส่งผลเสียมากกว่า
สัจธรรมที่ต้องรู้จักที่จะเรียนรู้ก็คือ เลิกพยายามให้โลกมาหมุนรอบตัวเองเสียที เลิกที่จะตัดสินถูกผิด โดยบอกว่าตนเองเท่านั้นที่ทำถูก ส่วนคนอื่นคือผิดหมด การให้รางวัลและการลงโทษไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างสำหรับคนที่ทำงานร่วมกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับคำชมตลอดเวลาก็ได้ แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ เรียนรู้ที่จะผิดพลาดให้เป็น เพราะไม่มีใครบนโลกนี้สมบูรณ์พร้อม ไม่มีคนที่เก่งที่สุด ทุกคนล้มเหลวได้เหมือนกันหมด และที่สำคัญคือการมองโลกในแง่ดี เลิกคิดว่าสายตาคนอื่นคอยจ้องจับผิด คำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป รักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น แล้วความมั่นใจ ความเชื่อมั่นในตัวเองก็จะตามมา