จัดการอารมณ์โกรธ “ฮึบเข้าไว้” งานไม่เสียเพื่อนไม่หาย
ชีวิตในแต่ละวันทำให้อารมณ์ของคุณขุ่นมัวหรือเปล่า คุณตวาดแว้ด ๆ ใส่หน้าคนอื่นบ้างหรือไม่ คุณใช่ไหมที่ภายนอกดูสงบนิ่ง แต่ภายในใจกลับเดือดปุด ๆ จริงอยู่ที่ความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ หากการตอบโต้กับอารมณ์ความโกรธนั้นเริ่มควบคุมได้ยากและบ่อยครั้ง อาจก่อให้เกิดปัญหาทั้งในเรื่องงาน การดำเนินชีวิต และความสัมพันธ์กับคนอื่น เราจำเป็นต้องจัดการกับความโกรธนั้นให้ได้
โดยหลัก ๆ คือลดความแรงของความรู้สึกโกรธนั้นลงรวมถึงสิ่งที่มากระตุ้น หลายครั้งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เราโกรธได้ ทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนหรือควบคุมอะไรได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้แน่ ๆ คือ เราสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมพฤติกรรมของเราและวิธีการตอบโต้กับอารมณ์ได้ ด้วยเทคนิคง่าย ๆ เพื่อไม่ให้งานต้องสะดุด จนอาจเกิดผลเสียตามมาได้มากมายนับไม่ถ้วน
รู้เท่าทันอารมณ์
ใช้หลักสติมาปัญญาเกิด เริ่มจากการรับในรู้อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น สังเกตอารมณ์ ความคิด และร่างกายของเราว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ให้เกิดการรู้ตัวอยู่ทุกขณะจิต
ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น
ง่าย ๆ แค่ยอมรับว่ากำลังโกรธ ไม่คิดหาสิ่งอื่นมารองรับความโกรธของตัวเรา เพราะยิ่งโทษสิ่งแวดล้อม หรือโทษบุคคลอื่น ก็ไม่ช่วยให้ความโกรธลดลง ทำใจให้นิ่ง แล้วแยกแยะให้ได้ถึงสาเหตุของความโกรธ เพื่อเตรียมตัวเองไปสู่การรับมือแก้ปัญหาในลำดับถัดไป
นับ 1 ถึง เลขใดก็ได้จนกว่าจะใจเย็น
หลายครั้งที่เวลาโกรธ เรามักหลุดปากสวนคำพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่ได้คิด ให้หยุดตัวเองไว้ก่อน ผ่อนคลายและลองใช้วิธี การนับเลข 1 ถึง… เขาว่ากันว่าวิธีนี้จะช่วยให้ใจเราสงบขึ้น เป็นวิธีที่ง่ายสุด ๆ แต่ได้ผลดีนัก ลองนับเลขในใจ ขณะที่เรากำลังคิดคำต่อว่าผู้อื่น แต่เราเอาสมาธิไปเพ่งที่ตัวเลขแทน ความคิดลบของเราจะค่อย ๆ หายไปกับเวลา แบบที่ยังไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะ
ช้า ๆ อย่าใจร้อน
เมื่อปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล อารมณ์โกรธก็จะเข้ามาควบคุมการกระทำทุกอย่าง เกิดอาการหุนหันพลันแล่น ทำอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด จนเหตุการณ์อาจลุกลามรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าโกรธ ให้ลองทำอะไรให้ช้าลง เดินช้าลง พูดช้าลง กลั่นกรองทุกคำจากสมอง หากตรองดูแล้วว่าพูดไปไม่เกิดผลดีกับใคร ให้หยุดคำพูดนั้นซะ
พูดคำว่า “ขอโทษ” ให้เป็น
ก็จริงอยู่ว่าการทะเลาะครั้งนี้เราอาจจะไม่ใช่คนที่ผิด แต่ลองคิดทบทวนดูให้ดี หากเราไม่ต่อความยาวสาวความยืด ลดทิฐิของตัวเองซะ โดยเพียงแค่พูดว่าคำว่า “ขอโทษ” ถือว่าเป็นการขอโทษที่ทำให้เราทั้งคู่ต้องมีปากมีเสียงกัน หรือขอโทษสำหรับเวลาที่ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ นอกจากนี้การพูดจาด้วยถ้อยคำสุภาพก็เป็นอีกทางในการระงับความโกรธไว้ได้ เมื่อเราตั้งสติได้แล้ว ให้พูดคุยกับคู่สนทนาด้วยเหตุและผล บอกว่าตัวเราคิดอย่างไร ด้วยประโยค “ดิฉัน/ผมคิดว่า…” หรือ “ดิฉัน/ผมอยากเสนอว่า…” เป็นต้น
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
คนที่กำลังโกรธมักนึกถึงแต่ตัวเองโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น นอกจากไม่สนใจคู่กรณีว่าเขามีเหตุผลใดในความขัดแย้งนี้แล้ว ยังลืมนึกถึงคนรอบข้างที่จะได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากการเหวี่ยงวีนของเรา อย่าหาข้ออ้างในการแสดงความโกรธ หยุดโทษผู้อื่น เมื่อรู้ตัวว่าเรากำลังแสดงอารมณ์โกรธในที่ทำงาน ให้ตระหนักว่านั่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก ต้องลด ละ เลิก เบรกตัวเองไว้บ้าง เพื่อบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
หลบไปเพื่อทบทวนสาเหตุในการทะเลาะ
การหาสาเหตุในการทะเลาะกันถือเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุดอีกเช่นกัน หากเราสามารถหาสาเหตุในการทะเลาะได้ในทุกครั้ง การแก้ปัญหาจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยทีเดียว ลองพยายามมีสติดูก่อนจะเริ่มโมโหและสบถคำหยาบออกมา พูดคุยกันด้วยเหตุและผลจะดีที่สุด
ปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด
แทนที่จะยึดติดอยู่กับอารมณ์โกรธ ให้หาทางออกด้วยการคิดแบบใดก็ได้ที่ทำให้ความโกรธลดน้อยลง หรือคิดข้าม shot ไปสู่การแก้ปัญหาจากความขัดแย้ง หลาย ๆ ครั้ง ในมุมไม่ดีก็ยังมีสิ่งดีซ่อนอยู่ ความขัดแย้งบางครั้งก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การสร้างสรรค์ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
รู้จักให้อภัย
หากเราทำใจให้อภัยได้ก็อาจทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น เพียงแค่รู้จักมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวด้วย ส่งผลให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว จากการที่เราปล่อยผ่าน แก้ไข แล้วจบ จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นในชีวิต
เพิ่มพลังด้านบวก
หากวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเติมเต็มกำลังใจให้ตัวเอง ด้วยการพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนสำคัญในชีวิต ช่วยสร้างกำลังใจได้เมื่อต้องพบเจอกันสถานการณ์ที่ยากลำบากในการทำงาน เป็นการใช้พลังด้านบวกมาเอาชนะพลังด้านลบในตัวนั่นเอง
ความโกรธก็เป็นแค่อารมณ์หนึ่งในชีวิตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเกิดอารมณ์โกรธแล้ว ต้องมีสติ รู้เท่าทัน รับมือจัดการอย่างชาญฉลาด อย่าปล่อยให้อารมณ์พาเราไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย เพราะผลที่ได้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก ควรใส่ใจผู้อื่นให้มากขึ้น เพื่อลดอารมณ์ด้านลบในตัวเรา อย่าลืมว่าบรรยากาศดี ๆ ในที่ทำงาน เราช่วยกันสร้างได้ จะได้ทำงานอย่างมีความสุขและสนุกกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิตการทำงานของเราดีขึ้นกว่าเดิม