เด็กไทยเจ๋งปั้นนวัตกรรมดิจิทัลรองรับสังคมผู้สูงวัย ในโครงการ “Thailand Youth Policy Initiative"

เด็กไทยเจ๋งปั้นนวัตกรรมดิจิทัลรองรับสังคมผู้สูงวัย ในโครงการ “Thailand Youth Policy Initiative"

เด็กไทยเจ๋งปั้นนวัตกรรมดิจิทัลรองรับสังคมผู้สูงวัย ในโครงการ “Thailand Youth Policy Initiative"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และธนาคารกรุงไทย ร่วมกันจัดประกวดนโยบายและนวัตกรรมทางสังคมของคนรุ่นใหม่ ในการพัฒนาระบบเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของประเทศไทย ผ่านการจัดทำร่างนโยบายสุขภาพและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสุขภาพ Conference Day ภายใต้โครงการ “Thailand Youth Policy Initiative - TYPI by IFMSA-Thailand 2022”

หลังจากการเปิดรับสมัคร มีเยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจส่งผลงานเข้าประกวดถึง 150 ทีม โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ “ทีม PM” จากผลงาน “Med For All” นโยบายเครื่องมือแพทย์หมุนเวียนเพื่อทุกคนและแพลตฟอร์มดิจิตอลเพื่อการเข้าถึงเครื่องมือแพทย์อย่างทั่วถึง ตามด้วยรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม “นวัต girl” จากผลงานแอปพลิเคชัน “มีดี” แพลตฟอร์มดิจิทัลสาธารณะเพื่อการสร้างเสริมคุณค่าให้กับผู้สูงอายุ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ “ทีม Eldente” ในผลงานแพลตฟอร์มดิจิตอล “อิ่มสุข” ซึ่งเป็นนโยบายการดูแลภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ยังมีรางวัล Honorable Mention ซึ่งมอบให้กับ “ทีม กขค.” จากผลงานนโยบาย All Connected เพื่อดูแลผู้สูงอายุ และแอปพลิเคชัน “ผู้สูงวัยสูงสุข” และรางวัลขวัญใจวัยเก๋า ได้แก่ “ทีม Young But Healthier”

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการ สช. กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว และการดูแลผู้สูงวัยนั้นก็มีความยากและซับซ้อน ซึ่งนอกจากจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพแล้ว ยังต้องเชื่อมโยงทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ การประกวดข้อเสนอเชิงนโยบาย พร้อมนวัตกรรมทางสังคมดังกล่าว จึงมีความสำคัญมาก เพราะเยาวชนคนรุ่นใหม่จะมาเป็นผู้ที่ดูแลประเทศในอนาคต โดยมีเครื่องมือที่สำคัญคือดิจิทัล และข้อเสนอต่างๆ ในเวทีการประกวดครั้งนี้จะนำไปสู่การมีส่วนร่วมในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อไป

นอกจากนี้ นพ.ประทีป ยังกล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่ร่วมกันจัดการประกวดครั้งนี้ก็จะประสานพลังที่มีในการสานต่อนโยบายเพื่อผู้สูงอายุในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทยที่มีความเข้มแข็งทั้งด้านบริการ และเรื่องดิจิทัล ที่สามารถนำแนวคิดไปต่อยอดพัฒนาระบบบริการเพิ่มขึ้นได้ ส่วน สช. ก็จะส่งเสริมให้เยาวชนรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายเพื่อศึกษาเรื่องอื่นๆ ต่อไป อีกทั้งในการเข้าร่วมสมัชชาแห่งชาติในเดือนธันวาคมนี้ ก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับการประกันรายได้ถ้วนหน้า หรือรายได้พื้นฐาน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยด้วย

ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า แม้ว่า สปสช. มีการดูแลสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคของคนไทยทุกคน รวมทั้งมีสิทธิประโยชน์ด้านค่ารักษาพยาบาล ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราพบปัญหาเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ดังนั้น การมีสุขภาพดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“เพราะฉะนั้น แม้ว่าจะมีระบบหลักประกันสุขภาพ ถือว่ามีความมั่นคงระดับหนึ่ง แต่เรายังต้องการเครื่องมือบางอย่าง แนวคิดบางอย่าง คือนวัตกรรมที่ทำให้คนไทยเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ ซึ่งผลงานที่น้อง ๆ ส่งเข้ามาล้วนมีความคิดสร้างสรรค์และมีความตั้งใจที่ดี และจะเป็นพลังให้กับประเทศต่อไป” ทพ.อรรถพร กล่าว

นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ร่วมสนับสนุนโครงการ Thailand Youth Policy Initiative 2022 เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่คิดค้นนำเทคโนโลยี ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ก่อเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ มุ่งเน้นระบบเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยของไทย โดยการบูรณาการในทั้ง 4 มิติ ได้แก่ สาธารณสุข เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคาร ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับสังคม

นอกจากนี้ นายธวัชชัยยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารกรุงไทยได้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน ในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมดิจิทัลในอนาคต พร้อมเชื่อมโยงกับ 5 ระบบนิเวศหลักของธนาคาร โดยในด้านการรักษาพยาบาลและสุขภาพ ก็ได้ใช้ Health Wallet หรือ กระเป๋าตังสุขภาพ บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านสาธารณสุข ให้คนไทยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุอย่างทั่วถึง เท่าเทียมและมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และจะนำผลงานจากการประกวดครั้งนี้ไปต่อยอดตามวิสัยทัศน์ของธนาคาร คือ "กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน"

นศพ.พีรดนย์ ดุษฎีเวทกุล นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 3 และ นศพ.ดาริณ ตั้งสิทธิธรรม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 3 จากทีม PM ร่วมกันให้ข้อมูลว่า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย หากไม่แก้ปัญหาอะไรจะทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณมากขึ้น 1 ล้านล้านบาท จากงบประมาณแผ่นดิน 3.5 ล้านล้านบาท ในการดูแลผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง ดังนั้นการป้องกันปัญหาสุขภาพก่อนเข้าสู่ภาวะพึ่งพิงจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากประชาชนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์การแพทย์ที่มีราคาแพงได้ จะช่วยให้ลดการทุพพลภาพได้ จึงคิดค้นแอปฯ ที่รวมอุปกรณ์การแพทย์หมุนเวียนสำหรับยืมได้ และเสนอให้ภาครัฐนำนโยบายนี้ไปพิจารณาต่อ และพัฒนานวัตกรรมให้สามารถใช้ได้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook