จะสิ้นปีแล้ว! เริ่มหมดไฟ ฮีลใจอย่างไรให้มีกำลังใจทำงาน
นับจากนี้ไปอีกไม่เพียงกี่เดือนเท่านั้นจะหมดปีอีกแล้ว พอรู้ว่าช่วงวันหยุดยาวใกล้จะมาถึง จึงทำให้หลายคนคิดข้ามช็อตไปแล้วว่าตัวเองกำลังจะได้หยุดพักผ่อนหรือไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง แต่พอดีดนิ้วเรียกสติกลับมาที่ปัจจุบัน ดันมีงานและภาระที่รอให้สะสางจนล้นมือไปหมด แถมยังพ่วงมาด้วยความกดดันว่าต้อง “ทำให้เสร็จ” ภายในปีนี้อีก เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยโหลดงานและความเครียดจำนวนมหาศาล
เฮ้อ! อาจเรียกได้ว่าเป็นคำอุทานติดปากประจำปีของใครบางคน ที่แม้แต่จะถอนหายใจยังขอแค่สั้น ๆ เลย เพราะตอนนี้ไม่ได้แค่รู้สึกเหนื่อยหรือเกิดอาการขี้เกียจธรรมดา ๆ แล้ว แต่มันคือ “ภาวะหมดไฟช่วงสิ้นปี” ซึ่งเป็นอาการที่มีอยู่จริง เห็นเพื่อนหลายคนก็เริ่มมีแพลนเที่ยว เตรียมลาพักร้อนกันเป็นแถว ส่วนเรายังนั่งหน้าคอมทำงานอยู่เลย จะแก้อาการแบบนี้อย่างไรดีนะ
สิ้นปีทีไร หมดไฟทุกที
เดิมแล้วภาวะหมดไฟ เป็นปรากฏการณ์ทางอาชีพที่มาจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน โดยองค์การอนามัยโลกเห็นชอบให้เป็นโรคภัยที่คุกคามชีวิตคนทั่วโลก ซึ่งจะทำให้มนุษย์วัยทำงานเกิดอาการหมดเรี่ยวหมดแรง รู้สึกในแง่ลบต่องาน ไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานลดลงในที่สุด
แม้ภาวะหมดไฟที่เรากำลังพูดถึงจะไม่ต่างไปจากภาวะหมดไฟทั่วไปที่เกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ แต่ด้วยความที่ใกล้ช่วงเวลาสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงที่หลาย ๆ งานจะมากองในตอนนี้หมด ไม่ว่าจะเป็นงานปัจจุบัน งานเมื่อต้นปี งานเมื่อกลางปี หรืองานเมื่อเดือนที่แล้ว จึงทำให้ภาวะนี้เกิดขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีได้ง่ายกว่าช่วงอื่น ๆ
ให้เวลาตัวเองกับสิ่งที่ชอบ
เหนื่อยนักก็พักซะหน่อย ตึงไปก็ผ่อนซะบ้าง แล้วให้เวลาได้เติมพลังตัวเองกับสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง แฮงค์เอ้าต์กับเพื่อน ช้อปปิง เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ทำอาหาร ท่องเที่ยว ไปทะเล ปืนเขา เป็นต้น ไม่ได้หมายความว่าต้องไปท่องโลกกว้างอย่างเดียว ทิ้งทุกอย่างแล้วไปค้นหาตัวเองอย่างเดียว แต่ทำอะไรก็ได้ที่เราเอนจอย โดยปราศจากความกังวล ช่วงเวลาที่มีคุณภาพกับสิ่งที่เราชอบ จะช่วยให้เรามีแรงต่อสู้กับเรื่องหนัก ๆ อื่น ๆ ในชีวิตต่อไป
วางสิ่งเดิม ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่
บางทีการที่เราจมอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ทำอะไรซ้ำ ๆ อาจทำให้ร่างกายและใจเหนื่อยล้า ถ้าเราได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ก็ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย เพราะเราเริ่มใหม่จากศูนย์ด้วยความกระหายพร้อมจะเรียนรู้ ไม่กดดันตัวเอง หรือคาดหวังต่อตัวเองมากเกินไป แล้วยังอาจทำให้เราได้เจอสิ่งที่ชอบใหม่ ๆ เป็นอีกหนึ่งการค้นพบตัวเองมากขึ้นเช่นกัน
“จิตวิทยา” เรียนรู้และเข้าใจตัวเอง
อาจจะแปลกใจว่าการทำแบบทดสอบจิตวิทยาจะช่วยให้เราเติมไฟตัวเองได้อย่างไร แต่หลาย ๆ แบบทดสอบเหล่านี้ มักจะช่วยให้เราได้ “รู้จัก” และ “เข้าใจ” ตัวเองมากขึ้น รู้จุดอ่อน จุดแข็ง อะไรไหนที่ชอบ ที่เหมาะกับเรา สภาพแวดล้อมใด งานใด คนลักษณะแบบใด สถานการณ์ไหนที่เราจะเกรงกลัว หรือสถานการณ์ไหนที่จะส่งเสริมเรา เมื่อเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็จัดการกับความเหนื่อยล้าหมดไฟในใจได้ดีขึ้นเช่นกัน
คิดบวกบ้างก็ได้ชีวิตไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เลิกคิดแง่ลบ เลิกกังวลถึงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าทำอะไร ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ล้มได้ก็ลุกได้ แทนที่จะมัวคิดกังวล ก็เปลี่ยนไปนึกไปถึงรสชาติของความสำเร็จที่เราจะได้ลิ้มรสแทน สิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้น หากเราทำสิ่งนี้ได้ เหมือนเด็ก ๆ ที่พ่อแม่มักจะมีทริกเล็ก ๆ ช่วยให้ลูก ๆ มีกำลังใจเวลาเรียน เช่น ถ้าสอบได้จะได้ไปเที่ยวทะเล ก็เหมือนกับชีวิตการทำงานของเรา ถ้าเราทำได้ เราจะภูมิใจกับผลงานของเราแน่นอน
พักเต็มที่ นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
สุดท้ายที่สำคัญที่สุด และหลายคนที่รีบประสบความสำเร็จอาจลืมให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ ก็คือ การนอน เพราะการอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอไม่ใช่แค่จะทำให้ร่างกายเราเสื่อมถอยเท่านั้น แต่จิตใจเราก็ได้รับผลกระทบโดยตรง สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดได้ช้า รู้สึกอึน ๆ อารมณ์หงุดหงิดง่าย ไร้เรี่ยวแรงพลังใจ สะสมไปนานเข้าก็ยิ่งทำให้หมดไฟวนไปอยู่นั่น การนอนให้เต็มอิ่มอย่างมีคุณภาพ เวลานอนคือนอน หยุดคิดเรื่องงาน ให้สมองได้พัก หยุดไถมือถือ ให้ใจได้ห่างโลกที่หมุนเร็ว ๆ บ้าง แล้วนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ตื่นมาสดใสชาร์จพลังตัวเองต่อไป